หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
2
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งทรงตัว เล็งนลท.ชะลอลงทุนรอดูความชัดเจนการประชุมเฟด-ECB
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งตัวในลักษณะทรงตัว เนื่องจากกำลังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าบ้านเราจะทราบผลการประชุมในเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดฯก็มองว่ารอบนี้น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ให้ติดตาม Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟดจะส่งสัญญาณเป็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯก็เร่งตัวขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ถัดไปก็จะต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งรอบนี้ก็มีนัยสำคัญต่อตลาดฯ จากประเด็นการลดการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก ดังนั้น ช่วงสั้นตลาดฯคงจะเป็นลักษณะของการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนทั้งสองการประชุมเพราะมีนัยสำคัญต่อตลาดฯ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบราว 0.3%
ส่วนบ้านเราเมื่อวานนี้ก็ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,730 จุดได้ และช่วงนี้ก็ไม่มีปัจจัยบวกด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,740 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,320.73 จุด ลดลง 1.58 จุด (-0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.85 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด (+0.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,703.79 จุด เพิ่มขึ้น 43.87 จุด (+0.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 17.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 112.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.60 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 48.87 จุด
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มิ.ย.61) 1,727.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด (+0.24%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,467.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 มิ.ย.61) ปิดที่ 66.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มิ.ย.61) ที่ 5.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.10 อ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์จากตลาดคาดที่ประชุมเฟดวันนี้จะปรับขึ้นดอกเบี้ย
- ปิดฉากซัมมิต"ทรัมป์-คิม" ชื่นมื่น เผยสาระหลักข้อตกลง 4 ข้อสำคัญมุ่งปลอดนิวเคลียร์คาบสมุทรเกาหลี พร้อม ส่งสัญญาณจะเกิดสันติภาพอย่างแท้จริง ด้านผู้นำสหรัฐเตรียมถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ ชาวอเมริกัน 72% เห็นด้วย"ทรัมป์"ตัดสินใจหารือกับ"คิม" แต่ 68% ไม่เชื่อว่า "คิม"จะยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
- อดีต รมว.คลัง วิเคราะห์ "รบ.ประยุทธ์" ไม่ยอมเปลี่ยนสูตรราคาขายน้ำมันในประเทศ โดยบวกค่าขนส่งเทียมจากสิงคโปร์ ทั้งที่หมดความจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจให้โรงกลั่นแล้ว แถมเอาสูตรนี้ไปใช้กับ LPG เพื่อเพิ่มกำไรมหาศาลให้โรงแยกก๊าซฯ ด้าน "กบง." เคาะตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือน 363 บาทต่อถังต่อไปอีกจนกว่าราคาตลาดโลกจะลดลง แต่ข่าวร้าย ผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ รีดเงินเข้าและลดชดเชยเข้ากองทุนน้ำมัน 37 สต./ลิตร สะสมเงินไม่ให้ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท รับมือน้ำมันขาขึ้นช่วงสิ้นปี หวังเตรียมไว้ตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา บอร์ดให้ไปศึกษาข้อมูลเพิ่มการประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะต้องยื่นซองวันที่ 15 มิ.ย.นี้ โดยบอร์ดจะมีมติในวันยื่นซองอีกครั้ง ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการมือถือ 1 ใน 3 รายที่จะเข้าประมูล กลุ่มทรูส่งหนังสือไม่เข้าประมูลครั้งนี้
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน มิ.ย.มีมุมมองต่อดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 91.66 จุด ลดลง 1.07% จากเดือนก่อน อยู่ในภาวะทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยนักลงทุนต่างประเทศและสถาบันในประเทศมีมุมมองที่ดีต่อดัชนีตรงข้ามกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และรายย่อยที่มองดัชนีมีแนวโน้มลดลง
- ในการลงพื้นที่คณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.) ครั้งนี้ รฟท.ได้เสนอความคืบหน้าโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยระยะที่ 1 จะเปิดให้บริการในปี 2562 จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย
- ผลประกอบการจากการดำเนินงาน ของ กนอ. ใน 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 ระหว่างตุลาคม 2560-มีนาคม 2561 มียอดพื้นที่ขายและเช่า 827 ไร่ เงินลงทุนรวม 16,400 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 1,868 คน กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ อุตสาหกรรมคลังสินค้า ยาง/พลาสติกและหนังเทียม ยานยนต์/การขนส่ง เป็นต้น และ 5 อันดับนักลงทุนต่างชาติลงทุนมากสุด คือ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์
*หุ้นเด่นวันนี้
- BANPU (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร"เป้า 25 บาท มองผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสหนึ่ง และคาดฟื้นตัวเด่นในไตรมาสสอง จากปริมาณผลิตถ่านหินที่จะเพิ่มขึ้น โดย CEY คาดเพิ่ม 0.9 ล้านตันเป็น 3.5 ล้าน และ ITM คาดเพิ่ม 0.8 ล้านเป็น 5.1 ล้านตัน ส่งผลให้ Margin ขยายตัว และ ธุรกิจไฟฟ้า (BPP) คาดขยายตัวตาม Seasonal อีกทั้งเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากบาทอ่อน (Fx-gain) ด้านราคาถ่านหินยืนในระดับสูงสุดของปีที่บริเวณ 115 เหรียญ/ตัน ให้ สนับสนุนจาก Inventory ในจีนที่ต่ำ ในขณะที่ Demand จากอินเดีย, ญี่ปุ่น อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ความต้องการยังอยู่ในระดับสูง ถือเป็น Sentiment บวกต่อราคาถ่านหินต่อการเก็งกำไร
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาฝ้ายที่ปรับตัวขึ้น ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 95.15 เซนต์/ปอนด์ ขณะที่ PTA spread เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปี คาดหนุนกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 โตโดดเด่น
- GLOBAL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 19 บาท ผลประกอบการ Q2/61 น่าสนใจมาก คาด SSSG 2QTD บวกต่อเนื่อง (เช่นเดียวกับ CPALL และอาจมี HMPRO) สวนทางบริษัทอื่นในกลุ่มที่ส่วนใหญ่ทรงตัวถึงติดลบเพราะปีนี้ฝนตกเยอะ พร้อมคาดกำไร Q2/61 ราว 500-520 ล้านบาท โต 16-20% Y-Y แต่ชะลอเล็กน้อย Q-Q และน่าจะแผ่วลงใน H2/61 เพราะ low season โดยคาดกำไรทั้งปี +27% Y-Y เป็น 2.05 พันล้านบาท
ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ เหตุผิดหวังซัมมิต ทรัมป์-คิม ขณะจับตาประชุมเฟด
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความคลุมเครือ และยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,896.17 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด, +0.08% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,071.46 จุด ลดลง 8.34 จุด, -0.27% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,990.37 จุด ลดลง 112.69 จุด, -0.36% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,153.20 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 จุด, +0.08% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,429.86 จุด ลดลง 0.83 จุด, -0.02%
ส่วนดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,761.56 จุด ลดลง 2.60 จุด, -0.15% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,722.43 จุด ลดลง 48.87 จุด, -0.63% ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น
นักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมที่มีการเผยแพร่ภายหลังการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ โดยนายแอนดรูว์ กิลโฮล์ม ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียเหนือของคอนโทรล ริสค์ กล่าวว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่สั้น คลุมเครือ และขาดรายละเอียด ขณะที่เกาหลีเหนือก็ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์
ทางด้านนายพารัก คานนา นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู มองว่า แถลงการณ์ในการประชุมดังกล่าวไม่ได้ให้คำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยปธน.ทรัมป์มองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ คือการที่เกาหลีเหนือจะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป แต่สำหรับนายคิมมองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะต้องแลกกับการที่สหรัฐถอนทหารจนหมดจากเกาหลีใต้
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 33.62 จุด นักลงทุนผิดหวังซัมมิตทรัม
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความคลุมเครือและยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลงด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,703.81 จุด ลดลง 33.62 จุด หรือ -0.43%
นักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ โดยแม้ว่าผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อสร้างกลไกสันติภาพที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แต่นักวิเคราะห์มองว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่สั้น, คลุมเครือ และขาดรายละเอียด ขณะที่เกาหลีเหนือก็ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง หลังจากบริษัทเครสท์ นิโคลสัน โฮลดิ้งส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากราคาบ้านชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างปรับตัวขึ้นด้วย ทั้งนี้ หุ้นเครสท์ นิโคลสัน โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4% หุ้นบาร์แรทท์ ดิเวลลอปเมนท์ ร่วงลง 3.1% หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ดิ่งลง 2.1% หุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วงลง 2.5%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมติการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของธนคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบหลังซัมมิตทรัมป์-คิม ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด,ECB
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความคลุมเครือและยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้เช่นกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 387.53 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,842.30 จุด ลดลง 0.61 จุด หรือ -0.00% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,453.37 จุด ลดลง 20.54 จุด หรือ -0.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,703.81 จุด ลดลง 33.62 จุด หรือ -0.43%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ โดยแม้ว่าผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อสร้างกลไกสันติภาพที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แต่นักวิเคราะห์มองว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่สั้น, คลุมเครือ และขาดรายละเอียด ขณะที่เกาหลีเหนือก็ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า แถลงการณ์ในการประชุมดังกล่าวไม่ได้ให้คำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยปธน.ทรัมป์มองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ คือการที่เกาหลีเหนือจะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป แต่สำหรับนายคิมมองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะต้องแลกกับการที่สหรัฐถอนทหารจนหมดจากเกาหลีใต้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลดลงสู่ระดับ -16.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2555 จากระดับ -8.2 ในเดือนพ.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ -14.0
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง หลังจากบริษัทเครสท์ นิโคลสัน โฮลดิ้งส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากราคาบ้านชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างปรับตัวขึ้นด้วย ทั้งนี้ หุ้นเครสท์ นิโคลสัน โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4% หุ้นบาร์แรทท์ ดิเวลลอปเมนท์ ร่วงลง 3.1% หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ดิ่งลง 2.1% หุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วงลง 2.5%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมติการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของธนคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 1.58 จุด นักลงทุนผิดหวังซัมมิตทรัมป-คิม ขณะจับตาประชุมเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความคลุมเครือและยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,320.73 จุด ลดลง 1.58 จุด หรือ -0.01% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,786.85 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด หรือ +0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,703.79 จุด เพิ่มขึ้น 43.87 จุด หรือ +0.57%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมที่มีการเผยแพร่ภายหลังการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ โดยนายแอนดรูว์ กิลโฮล์ม ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียเหนือของคอนโทรล ริสค์ กล่าวว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่สั้น, คลุมเครือ และขาดรายละเอียด ขณะที่เกาหลีเหนือก็ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์
ทางด้านนายพารัก คานนา นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู มองว่า แถลงการณ์ในการประชุมดังกล่าวไม่ได้ให้คำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยปธน.ทรัมป์มองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ คือการที่เกาหลีเหนือจะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป แต่สำหรับนายคิมมองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะต้องแลกกับการที่สหรัฐถอนทหารจนหมดจากเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเฟซบุ๊ก หุ้นอัลฟาเบธ หุ้นเน็ตฟลิกซ์ และหุ้นอเมซอนดอทคอม ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 0.6% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.3%
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 5% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นทวิตเตอร์ขึ้นสู่ระดับ 50 ดอลลาร์
หุ้นเอทีแอนด์ที ดีดตัวขึ้น 0.5% ส่วนหุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ปิดทรงตัว ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการตัดสินของศาลสหรัฐว่าจะอนุมัติให้บริษัทเอทีแอนด์ทีควบรวมกิจการกับไทม์ วอร์เนอร์ หรือไม่
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทประกาศปลดพนักงาน 9% ในการปรับโครงสร้างบริษัททั่วโลก โดยนายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ทวีตข้อความระบุว่า การปลดพนักงานดังกล่าวถือเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็มีความจำเป็น เพื่อให้บริษัทไม่ต้องดำเนินการเช่นนี้อีกในอนาคต
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนเม.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคานำเข้า-ดัชนีราคาส่งออกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์ 
OO9968

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!