สคร.คาดรถไฟฟ้าสายม่วงใต้-ส้ม คาดนำเข้า PPP พิจารณาได้ พ.ย.นี้ ก่อนเข้าครม.ช่วงธ.ค. มูลค่าโครงการรวมกว่า 3 แสนลบ. ส่วนทั้งปี คาดมีโครงการเข้า PPP รวม 4-5 แสนลบ.

      นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. และเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ คณะกรรมการ PPP ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดเผยว่า ในปี 2561 คาดว่าจะมีโครงการเสนอให้คณะกรรมการ PPP รวมมูลค่า 400,000-500,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก มูลค่า 128,235 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตกและตะวันออก มูลค่าโครงการ 238,039 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการ PPP พิจารณาได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. อนุมัติได้ในเดือนธันวาคม 2561 ต่อไป

      ขณะที่ ในการประชุมวันนี้ ที่ประชุมยังได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปพิจารณาถึงข้อกฎหมายของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม-ชะอำ มูลค่า 79,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่า รูปแบบดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นโครงการทางหลวงสัมปทาน มากกว่าทางหลวงพิเศษ โดยให้กลับไปพิจารณาก่อนนำกลับมาเสนอคณะกรรมการ PPP อีกครั้งในเดือนกันยายนนนี้

       นอกจากนี้ ที่ประชุม คณะกรรมการ PPP ได้เห็นชอบในหลักการให้เอกชนร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาโครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าของกรมการขนส่งทางบก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม มูลค่าการลงทุน 1,361 ล้านบาท โดยรัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ ส่วนภาคเอกชนลงทุนในค่าก่อสร้างอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้และค่าเครื่องอุปกรณ์ รวมถึง O&M ระยะเวลาดำเนินโครงการ 30 ปี และโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ มูลค่าเงินลงทุน 2,829 ล้านบาท

     ทั้งนี้ คณะกรรมการ PPP ยังได้ส่งการให้เลขานุการกลับไปพิจารณา โครงการร่วมลงทุนและเร่งรัดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการร่วมลงทุนที่มีระยะเวลาของสัญญาที่เหลือน้อยกว่า 5 ปี ไปพิจารณาว่าจะดำเนินกิจการของรัฐภายหลังสิ้นสุดสัญญาร่วมลงทุนตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนปี 2556 อย่างไร โดยให้คำนึงถึงภาระทางด้านการเงิน ทรัพย์สิน และเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ใกล้จะสิ้นสุดสัญญาใน 5 ปี ประมาณ 8 โครงการ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

บอร์ดพีพีพีตีกลับมอเตอร์เวย์ เส้นทางนครปฐม-ชะอำ สิ้นปีนี้ชง 2 FastTrack

     ไทยโพสต์ : พระราม 6 *’บอร์ดพีพีพี’โยนคมนาคม-สคร.กลับไปพิจารณารายละเอียดโครงการมอเตอร์เวย์เส้นนครปฐม-ชะอำ วงเงิน 7.9 หมื่นล้านบาท หลังยังมึนโครงการเข้าข่ายกฎหมายทางหลวงพิเศษ หรือทางหลวงสัมปทาน แจงไม่เกี่ยวคิดค่าผ่านทางแพง แจงสิ้นปีพร้อมดัน ‘สายสีม่วง-สายสีส้ม’ให้พิจารณา ด้าน ขสมก.สางแผนยกเครื่ององค์กร คาดไตรมาส 4 ได้ชื่อเอกชนโครงการซ่อมบำรุงรถเมล์เก่า

    นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยภายหลังการประ ชุมคณะกรรมการนโยบายการ ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการพีพีพี) ว่า ที่ประชุมมอบหมายให้กระ ทรวงคมนาคม และ สคร.ไป พิจารณารายละเอียดของโครง การทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นนคร ปฐม-ชะอำ วงเงินรวม 7.9 หมื่น ล้านบาท เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรายละเอียดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นมีข้อเสนอแนะว่าโครงการดังกล่าวน่าจะอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทางหลวงสัมปทาน ไม่ใช่ พ.ร.บ.ทาง หลวงพิเศษ ซึ่งมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันในเรื่องการคิดค่าผ่านทางอยู่ โดยให้กลับมาเสนอให้คณะกรรมการพีพีพีพิจารณาอีกครั้งในเดือน ก.ย.2561

     "ข้อโต้แย้งเรื่องอัตราค่าผ่านทางนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บแพงหรือไม่แพง เพราะการพิจารณาเก็บค่าผ่านทางนั้นจะต้องดูความเหมาะสมและปัจจัยรอบด้านประกอบด้วย"นายประภาศกล่าว

     นายประภาศ กล่าวอีกว่า ภายในเดือน พ.ย.2561 จะเสนอ ให้คณะกรรมการพีพีพีพิจารณา 2 โครงการ จากทั้งสิ้น 8 โครงการ ภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก และโครง การรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตกและตะวันออก วงเงินลงทุนรวม 3.66 แสนล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้มีการผลักดันโครงการลงทุนผ่านมาตรการ PPP Fast Track ไปแล้วคิดเป็นวงเงิน 4 แสนกว่าล้านบาท

      นอกจากนี้ คณะกรรมการยังเห็นชอบในหลักการให้เอกชนร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าของกรมการขนส่งทางบก จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม มูลค่า 1.36 พันล้านบาท และโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย วงเงินลงทุน 2.82 พันล้านบาท

    นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจ การองค์การขนส่งมวลชนกรุง เทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินแผนฟื้นฟูกิจการ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขวงเงินราคากลาง และร่างเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคาโครงการซ่อมบำรุงรถเมล์เก่า 323 คัน โดยคาดว่าจะได้ตัวเอกชนผู้ดำเนินโครงการภายในไตรมาส 4/2561 และใช้เวลาปรับปรุงเดือนละ 30 คัน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้วงเงินดำเนินการไม่เกิน 161 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าปรับปรุงรถเมล์เฉลี่ยไม่เกิน 5 แสนบาทต่อคัน

    สำหรับ แผนการจัดหารถเมล์ใหม่นั้น อยู่ระหว่างสรุปผลการศึกษาด้านตัวเลขลงทุนและปริมาณรถเมล์ใหม่ คาดว่าจะมีทั้งการเช่าและซื้อ โดยการเช่านั้นจะใช้สัญญา 7 ปี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนารถไฟฟ้าที่เริ่มทยอยเสร็จ และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วง 7-10 ปีจากนี้.