หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
9
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์จากแรงซื้อกลับหลังร่วงแรง-คลายกังวลเหตุการณ์ในตุรกี
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวดึ์ขึ้นได้ตาม Emerging Market โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เช้านี้รีบาวด์กลับขึ้นมาจากแรงซื้อกลับหลังเห็นว่าค่าเงินนิ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในตุรกี ซึ่งตลาดบ้านเราก็น่าจะได้รับแรงซื้อกลับเข้ามาในวันนี้ด้วยหลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวลงแรงพอควรจากแรงขายของกองทุนและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
นอกจากนี้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็ออกมากลาง ๆ ไม่ได้สร้างความกดดันให้กับตลาดฯ แนะให้ติดตามการประมูลคลื่น 1800 MHz ในปลายสัปดาห์นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,690 จุด ส่วนแนวต้าน 1,707 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,299.92 จุด เพิ่มขึ้น 112.22 จุด (+0.45%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,870.89 จุด เพิ่มขึ้น 51.19 จุด (+0.65%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.96 จุด เพิ่มขึ้น 18.03 จุด (+0.64%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 12.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 28.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.94 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.80 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 6.79 จุด
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันฉลองอิสรภาพ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ส.ค.61) 1,695.35 จุด ลดลง 10.61 จุด (-0.62%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,149.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ส.ค.61) ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ส.ค.61)  ที่ 7.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.30 อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค จากความกังวลวิกฤติเศรษฐกิจของตุรกี
- วิกฤติค่าเงินตุรกีป่วนตลาดเกิดใหม่ "อาร์เจนตินา" ขึ้นดอกเบี้ยอีก 5% สู่ระดับ 45% หวังสกัดเปโซร่วงหนัก ด้านผู้นำตุรกี เล็งคว่ำบาตรสินค้าสหรัฐ ขณะ "แบงก์ชาติ" เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อย เหตุส่งออกไทยไปตุรกีแค่ 0.5% ด้าน "พาณิชย์" ลั่นไม่กระทบเป้าส่งออกไทย
- นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยในงานประชุมวางแผนและออกแบบเมืองอย่างชาญฉลาดเพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจและสังคมไทยว่า ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยคาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีก่อนที่ขยายตัว 8% หรือมียอดรวม 6.22 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 2560 มีมูลค่า 5.76 แสนล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากการพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งเริ่มทยอยแล้วเสร็จ และกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว
- ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาส 2/2561 สินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5.4% จากที่ขยายตัว 4.7% ในไตรมาสแรก และมีการกระจายตัวมากขึ้น โดยสินเชื่อธุรกิจมีน้ำหนัก 66.7% ของสินเชื่อรวมขยายตัวได้ 4.1% มาจากการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี (ที่ไม่รวมธุรกิจการเงิน) เติบโต 7.5% จากธุรกิจโรงไฟฟ้า ธุรกิจอาคารชุดที่พักอาศัยและธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไป
-"พาณิชย์"วิเคราะห์กรณีคู่ค้าทำสงครามการค้าตอบโต้สหรัฐฯ ในกลุ่มสินค้าเกษตร พบสินค้าไทยหลายรายการจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพื่อไปทดแทนสินค้าจากสหรัฐฯ เผยข้าว ผลไม้ กากเหลือจากการผลิตสตาร์ช มีโอกาสในจีน ข้าวโพดหวานในตลาดอียู
- กรมธุรกิจพลังงานโชว์ยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีแรก เติบโต 3.84% สะท้อน ศก.ไทยดีขึ้น ด้านโรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังไม่สดใสยอดใช้ไม่กระเตื้องและเจอพิษราคาตกต่ำเหลือผลิตแค่ 3 แห่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- NCL-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL)) เทรดวันแรกจำนวน 64,877,441 หน่วย อายุ 16 เดือน ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1.50 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 2.40 บาท/หุ้น พร้อมกำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 มิ.ย.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 6 ธ.ค.62
- KKP (กรุงศรี) ราคาเป้าหมาย 85 บาท ทยอยซื้อเก็งกำไรก่อนประกาศจ่ายปันผลครึ่งปี เบื้องต้นคาดว่า KKP จะจ่ายปันผลในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 2 บาท ให้ Dividend yield ประมาณ 2.6% คาดประกาศจ่ายปันผลในช่วงปลายเดือนนี้
- ERW (เอเอสแอล) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 10 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q2/61 ลดลง 48%YoY ต่ำกว่าที่คาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก EBITDA margin ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปิดปรับปรุงโรงแรม JW Marriott มากกว่าที่เราคาด อย่างไรก็ตามกลุ่ม Hop Inn สามารถเติบโตได้โดดเด่น โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้น 11% โดยยังคงมุมมองเชิงบวก
- BJC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) แนะนำ"ทยอยสะสม"มองกำไร Q2/61 สูงกว่าคาดที่ 1,396 ล้านบาท (+40%YoY,-3%QoQ) ส่วนหนึ่งจาก FX แต่หากนับเฉพาะ Core พบกำไรโตเด่นเทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ 32% YoY ที่ 1,316 ล้านบาท จากยอดขายเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ และ Margin เติบโตดี ในขณะที่ SSSG ของ BIGC ติดลบลดลงเหลือ 0.5% เทียบกับ Q2/60 ลบมากถึง 15.2% คาด BJC จะเป็นหนึ่งในค้าปลีกที่มีโอกาสกำไร Q3/61 ทั้ง YoY, QoQ ส่วนบริษัทอื่นอาจปรับตัวลงตาม Seasonal ส่วนหนึ่งจากลับรายการสำรองค่าเสียหาย BIGC ส่วน Q4 รับได้ประโยชน์ขยายกำลังการผลิตขวดเพิ่ก 13% เป็น 3,435 ตัน/วัน
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ วิตกข่าวตุรกีเล็งคว่ำบาตรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตุรกี หลังจากนายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ประกาศว่า ตุรกีจะคว่ำบาตรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง iPhone ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการเพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกี
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,368.12 จุด เพิ่มขึ้น 12.04 จุด, +0.05% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,777.25 จุด ลดลง 3.71 จุด, -0.13% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,724.72 จุด ลดลง 28.21 จุด, -0.10% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,827.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.05 จุด, +0.03% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,240.93 จุด ลดลง 1.94 จุด, -0.06% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,784.58 จุด เพิ่มขึ้น 0.80 จุด, +0.04% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,520.99 จุด ลดลง 6.79 จุด, -0.09% ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันฉลองอิสรภาพ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นเหมืองร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 30.81 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์ค่าเงินลีราของตุรกีอย่างใกล้ชิด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,611.64 จุด ลดลง 30.81 จุด หรือ -0.40%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ โดยหุ้นอันโตฟากัสตา ดิ่งลงอย่างหนักถึง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรก่อนหักภาษีในช่วงเวลา 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 อยู่ที่ระดับ 904.2 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.08 พันล้านดอลลาร์
หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นเฟรสนิลโล ดิ่งลง 1.5% และหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในอังกฤษลดลงสู่ระดับ 4.0% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2518 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.2%
ส่วนจำนวนคนว่างงานลดลง 65,000 คน สู่ระดับ 1.36 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี
นอกจากนี้ ONS ยังเปิดเผยว่า จำนวนชาวสหภาพยุโรปที่ทำงานในอังกฤษลดลง 86,000 คนสู่ระดับ 2.28 ล้านคนในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2540
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย ขณะนักลงทุนจับตาสถานการณ์ค่าเงินตุรกี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์ค่าเงินลีราของตุรกีอย่างใกล้ชิด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดขยับขึ้น 0.01% แตะที่ 384.92 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,358.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด หรือ +0.00% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,403.41 จุด ลดลง 8.91 จุด หรือ -0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,611.64 จุด ลดลง 30.81 จุด หรือ -0.40%
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ค่าเงินลีราของตุรกีอย่างใกล้ชิด หลังจากค่าเงินลีราร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ค่าเงินลีราดีดตัวขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อคืนนี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นอันโตฟากัสตา ดิ่งลงอย่างหนักถึง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรก่อนหักภาษีในช่วงเวลา 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 อยู่ที่ระดับ 904.2 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.08 พันล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นเฟรสนิลโล ดิ่งลง 1.5% และหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 2 โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% และสอดคล้องกับตัวเลขการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานในวันนี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 112.22 จุด ขานรับค่าเงินตุรกีฟื้น,ผลประกอบการสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของค่าเงินลีราของตุรกี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,299.92 จุด พุ่งขึ้น 112.22 จุด หรือ +0.45% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,870.89 จุด เพิ่มขึ้น 51.19 จุด หรือ +0.65% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.96 จุด เพิ่มขึ้น 18.03 จุด หรือ +0.64%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ หลังจากค่าเงินลีราของตุรกีฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของเศรษฐกิจตุรกี และผลกระทบที่จะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ
นักวิเคราะห์หลายราย ซึ่งรวมถึงแบรด แมคมิลแลน นักวิเคราะห์จากคอมมอนเวลธ์ ไฟแนนเชียล เน็ตเวิร์ค ได้แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การทรุดตัวของค่าเงินตุรกีจะไม่ส่งผลกระทบที่ยาวนานต่อตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากตุรกีไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือยูโรโซน ดังนั้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับธนาคารยุโรปไม่มากนัก ซึ่งจะทำให้ปัญหาไม่ลุกลามออกไป
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 3.05 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.84 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.046 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.003 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายพุ่งขึ้น 8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 6.6%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.889% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.2% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดตัวขึ้น 0.7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 0.8% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.2% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 0.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.1% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.6% แต่หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคานำเข้าทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. โดยการทรงของดัชนีราคานำเข้าเกิดจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสวนทางการร่วงลงของราคาสินค้าอื่นๆ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค.
--อินโฟเควสท์
OO12442

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!