หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
26
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค คลายกังวลปัจจัยตปท.-ได้แรงหนุนจากสนช.ถอนเรื่องเสนอแก้กฎหมายกกต.
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ขานรับจีนและสหรัฐฯจะมีการเจรจาการค้ากันรอบใหม่ในปลายเดือนนี้ และยังคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในตุรกี ภายหลังจากที่กาตาร์ตกลงจะเข้าไปลงทุนในตุรกีด้วยวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นด้วยหลังคลายวิตกสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดี ยังมองปัจจัยต่างประเทศเป็นการคลายความกังวลเพียงแค่ชั่วคราว ซึ่งยังต้องติดตามผลการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะสำเร็จผลหรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศก็มีข่าวดีจากเรื่องที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติถอนข้อเสนอให้แก้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เกี่ยวกับผู้ตรวจการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งยังคงเดินหน้าตามโรดแมพได้
อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงจะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังปรับพอร์ตการลงทุน จากความไม่แน่นอนปัจจัยต่างประเทศ และการโยกไปลงทุนหุ้น A-Share ของจีน
พร้อมให้แนวรับ 1,665-1,670 จุด ส่วนแนวต้าน 1,690 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,558.73 จุด พุ่งขึ้น 396.32 จุด (+1.58%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,806.52 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด (+0.42%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,840.69 จุด เพิ่มขึ้น 22.32 จุด (+0.79%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 121.15 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 18.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 288.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 18.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 21.95 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ส.ค.61) 1,680.96 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด (+0.28%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,109.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ส.ค.61) ปิดที่ 65.46 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ส.ค.61) ที่ 7.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.18 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาคหลังมีแรงขายดอลล์ รับข่าวจีน-สหรัฐฯเจรจาการค้ารอบใหม่
- ไอเอ็มเอฟแนะตุรกีดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเน้นสร้างเสถียรภาพ-ลดขาดดุลการค้า ช่วงสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐคลอนแคลน ด้าน"กาตาร์"แสดงความจริงใจในฐานะชาติพันธมิตร ให้สัญญาลงทุนโดยตรง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะอาลีบาบาซื้อหุ้นยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสัญชาติตุรกี
- รัฐบาลประกาศดันกฎหมายภาษีที่ดินผ่านสนช.ภายในรัฐบาลนี้ ส่วนระยะเวลาบังคับใช้อาจเลื่อนจากปี 2562 หลังผลสำรวจหน่วยงานท้องถิ่นยังไม่พร้อม ประเมินตลาดอสังหาฯปีนี้ยังขยายตัวดี คาดเติบโตระดับ 8.2%
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ของปี 2561 จะขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.6% และตลอดทั้งปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นอยู่ที่ 4.6% ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวอยู่ที่ 3.9% เป็นผลจากแรงส่งของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ที่จะช่วยให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีการปรับตัวดีขึ้น
- รายงานข่าวสมาคมค้าทองคำแจ้งว่า ราคาทองคำในประเทศผันผวน ปรับขึ้นลง 5 ครั้งตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น โดยรวมแล้วปรับลดลง 150 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่งรับซื้อ 18,550 บาท ขายออกบาทละ 18,650 บาท ราคาทองรูปพรรณรับซื้อ 18,222.32 บาท และขายออก 19,150 บาท ราคาทองคำต่างประเทศอยู่ที่ 1,179 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์
- คลังฟุ้งเศรษฐกิจดีหนุนอสังหาริมทรัพย์โต คาดปีนี้อาจถึง 2 หลัก หลังครึ่งปีแรกโต 8.2% ระบุยังไม่กระตุ้นกำลังซื้อเพิ่ม เชื่อจิตวิทยาด้านดอกเบี้ยทำคนเร่งซื้อบ้าน
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOP (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 93 บาท เก็งกำไรค่าการกลั่นปรับขึ้นยืนเหนือระดับ 8$/bbl เทียบกับค่าเฉลี่ยใน Q2/61 ที่ 4$/bbl คาดหนุนกำไรปกติ Q3/61 กลับมาเติบโต
- BGRIM (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 29 บาท โครงการ Phu Yen เป็นโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแห่งที่ 2 ที่ BGRIM ประกาศเข้าลงทุน คิดเป็นกำลังการผลิตส่วนเพิ่มตามสัดส่วน 206 MW  มีแผนเปิดดำเนินงานภายใน 30 มิ.ย. 2562 และเป็น Upside ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการ
- JWD (หยวนต้า) "ซื้อ"เป้า 9 บาท ด้วย 3 หตุผล 1) คาดกำไรปกติ Q3/61 กลับมายืนที่ระดับ 55-60 ลบ.+/- อีกครั้งหลังรายได้จากธุรกิจที่ลงทุนไปก่อนหน้าเริ่มเห็นผล และมีลูกค้าใหม่เพิ่มหลายราย ทำให้ 2) คาดการณ์กำไรปีนี้มี Downside risk จำกัด ส่วนปีหน้ามีโอกาสปรับประมาณการขึ้น ขณะที่ 3) ราคาหุ้นปรับตัวลง 43.8% YTD สะท้อนกำไร H1/61 ที่อ่อนแอไปมากแล้ว กลายเป็นโอกาสของการเข้าสะสม หลังกลับมามีมุมมองบวกต่อ JWD อีกครั้งทั้งระยะสั้น กลาง และ ยาว
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับข่าวสหรัฐ-จีนเตรียมเจรจาการค้า
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทะยานขึ้นเกือบ 400 จุดเมื่อคืน ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,313.19 จุด เพิ่มขึ้น 121.15 จุด, +0.55% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,723.89 จุด เพิ่มขึ้น 18.70 จุด, +0.69% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,388.57 จุด เพิ่มขึ้น 288.51 จุด, +1.06% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,702.60 จุด เพิ่มขึ้น 18.70 จุด, +0.18% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,244.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด, +0.17% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,233.88 จุด เพิ่มขึ้น 21.95 จุด, +0.68% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,780.64 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด, +0.19%
กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า คณะผู้แทนของจีน ซึ่งนำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับตัวแทนเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ โดยการเจรจาดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
นักลงทุนจับตาดูว่า การเจรจาดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 23 ส.ค.หรือไม่ ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการเงินในตุรกี หลังจากรัฐบาลตุรกีเปิดเผยว่า กาตาร์ได้ตกลงที่จะเข้าลงทุนโดยตรงในตุรกีคิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 58.51 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน,เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากวิกฤตการเงินตุรกีที่เริ่มคลี่คลายในทางที่ดี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนจะหันหน้าเจรจารอบใหม่เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,556.38 จุด เพิ่มขึ้น 58.51 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการเงินในตุรกี หลังจากรัฐบาลตุรกีเปิดเผยว่า กาตาร์ได้ตกลงที่จะเข้าลงทุนโดยตรงในตุรกี คิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ โดยชีคห์ ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ทานี แห่งกาตาร์ได้เข้าพบนายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาในการเข้าลงทุนโดยตรงในตุรกี ขณะที่ตุรกีกำลังเผชิญกับวิกฤตการเงิน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า โดยคณะผู้แทนของจีน ซึ่งนำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับตัวแทนเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นอันโตฟากัสตา ขยับขึ้น 0.9% และหุ้นริโอทินโต เพิ่มขึ้น 0.7%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกทะยานขึ้น 3.5% ในเดือนก.ค.
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับวิกฤตตุรกีคลี่คลาย,เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคลี่คลายลงของวิกฤตการเงินตุรกี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 381.43 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,237.17 จุด เพิ่มขึ้น 74.16 จุด หรือ +0.61% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,349.02 จุด เพิ่มขึ้น 43.80 จุด หรือ +0.83% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,556.38 จุด เพิ่มขึ้น 58.51 จุด, +0.78%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า โดยคณะผู้แทนของจีน ซึ่งนำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับตัวแทนเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการเงินในตุรกี หลังจากรัฐบาลตุรกีเปิดเผยว่า กาตาร์ได้ตกลงที่จะเข้าลงทุนโดยตรงในตุรกี คิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ
ทั้งนี้ ชีคห์ ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ทานี แห่งกาตาร์ได้เข้าพบนายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาในการเข้าลงทุนโดยตรงในตุรกี ขณะที่ตุรกีกำลังเผชิญกับวิกฤตการเงิน
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นอันโตฟากัสตา ขยับขึ้น 0.9% และหุ้นริโอทินโต เพิ่มขึ้น 0.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นคิงฟิสเชอร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ร่วงลง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นเฮงเคล ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ของเยอรมนี ขยับลงเล็กน้อย หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 396.32 จุด ขานรับข่าวสหรัฐ-จีนเตรียมเจรจาการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากผลประกอบที่ดีเกินคาดของวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,558.73 จุด พุ่งขึ้น 396.32 จุด หรือ +1.58% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,806.52 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด หรือ +0.42% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,840.69 จุด เพิ่มขึ้น 22.32 จุด หรือ +0.79%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า คณะผู้แทนของจีน ซึ่งนำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับตัวแทนเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ โดยการเจรจาดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
นักลงทุนจับตาดูว่า การเจรจาดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 23 ส.ค.หรือไม่ ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นเคแอลเอ็กซ์ ขยับขึ้น 0.4% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.7% และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดีดตัวขึ้น 0.7%
หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 9.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.2803 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.2597 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.29 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น และยอดขายพุ่งขึ้น 4.8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4%
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2
ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 27% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.76 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.86 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้นเทสลา ร่วงลง 1% หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ออกหมายเรียกนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลา เข้าให้ปากคำในกรณีที่นายมัสก์ได้ทวีตข้อความระบุว่า เขากำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์
นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการเงินในตุรกี หลังจากรัฐบาลตุรกีเปิดเผยว่า กาตาร์ได้ตกลงที่จะเข้าลงทุนโดยตรงในตุรกีคิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยปรับตัวลง 2,000 ราย สู่ระดับ 212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.168 ล้านยูนิต ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.260 ล้านยูนิต
ส่วนในวันนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนส.ค.ของสหรัฐ โดยจะเปิดเผยในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์
OO12552

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!