หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
9
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค หลังเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า-บอนด์ยีลด์ชะลอ
 
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างรีบาวด์ขึ้น หลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มกลับมาอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯชะลอตัวลง
 
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีแรงซื้อคืนในลักษณะ Short Covering และกองทุนน่าจะช่วยประคองตลาดฯได้หลังจากที่เมื่อวานนี้กองทุนได้กลับมาซื้อ ซึ่งตลาดฯน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้เหนือระดับ 1,700 จุดได้ นอกจากนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/61 ซึ่งเริ่มที่กลุ่มแบงก์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
 
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,690 จุด ส่วนแนวต้าน 1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,430.57 จุด ลดลง 56.21 จุด (-0.21%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,880.34 จุด ลดลง 4.09 จุด (-0.14%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,738.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด (+0.03%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 69.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 108.37 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.57 จุด
 
ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการเนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ต.ค.61) อยู่ที่ 1,696.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด (+0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 4,617.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ต.ค.61) ปิดที่ 74.96 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.9%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ต.ค.61) ที่ 5.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.88 แข็งค่าจากวานนี้ตามภูมิภาคหลังนลท.ขายดอลล์ทำกำไร มองกรอบวันนี้ 32.80-33.00
- ไอเอ็มเอฟขยับจีดีพีไทย ปีนี้ทะยานแตะ 4.6% สวนทาง "อินโด-ฟิลิปปินส์-มาเลเซีย"ที่ถูกหั่นลงถ้วนหน้า คลังชี้เป็นเครื่องสะท้อนเศรษฐกิจไทย ต่อเนื่อง "สมคิด"ปรับแผนบริหารจีดีพี ลดพึ่งพาส่งออก-หันมากระตุ้นภายใน หลังประเมินสงครามการค้าลากยาว 3 ปี ฉุดเศรษฐกิจจีน กระทบส่งออกไทย สรท.ชี้กลุ่ม"ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์-ยางพารา"ส่งออกไปจีนทรุด
 
- "สมคิด"รับมือน้ำมันขาขึ้น เตรียมหารือผู้บริหาร ปตท. 11 ต.ค.รับมือหวั่นต้นทุนสินค้าเพิ่ม พร้อมคุยแผนลงทุนไบโออีโคโนมี่  กบง.สั่งหามาตรการดูแลราคาดีเซลเพิ่มหลังอุดหนุนเต็มเพดาน  ด้าน ส.อ.ท.กังวลค่าเอฟทีพุ่งกดดันต้นทุนการผลิต
 
- คลังชงกฎหมาย 2 ฉบับ เข้าครม.วันนี้  ตั้งกรรมการชุดใหม่กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินที่ยังไม่มีภาครัฐดูแล ขึ้นทะเบียนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เช่าซื้อ เช่าซื้อแบบลีสซิ่งและแฟคตอริ่งนอกระบบ รวมทั้งพิโกไฟแนนซ์ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ รวมทั้งเสนอ พ.ร.ฎ.ยกเว้นค่าอากรแสตมป์ให้ผู้ถือบัตรคนจนที่ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุดขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี
 
- กพท. จ่อเปิดทางกองทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย-กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถือหุ้นในสายการบิน หวังลดความเสี่ยงฐานะทางการเงินของสายการบินได้ สั่งลุยทำรัฐธรรมนูญความปลอดภัยการบินระดับชาติ เคาะ พ.ย.นี้
 
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เปิดราคาคอนโดมิเนียมไตรมาส 3/2561 พุ่ง 11% อานิสงส์โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าหนุน ด้าน "ไซมิส แอสเสท" จ่อผุด 2 โครงการบ้าน กดปุ่มก่อสร้างปี 2562
 
- บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด มองว่าแนวนโยบาย MacroPrudential สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการปรับปรุงมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและลดพฤติกรรมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะส่งผลดีต่อผู้ซื้อบ้าน รวมไปถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารในระยะยาว แต่อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้น
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- SST-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน30,386,062 หน่วย อายุ 3 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิหุ้นละ 10 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 ธ.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 30 ก.ย.64
 
- TOP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 88 บาท แนวโน้มกำไร Q3/61 จะชะลอทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะฐานสูงซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้หมดแล้ว แต่น่าจะออกมาดีกว่าที่คาดกันตอนแรก เพราะ Stock gain มากกว่าคาด ค่าการกลั่นฟื้นเร็ว และ Spread สายอะโรเมติกส์กว้างขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานกลับมา Outperform ตลาด แต่ TOP ยัง laggard อยู่ราว 3% ขณะที่ NVDR เริ่มกลับมาซื้อในสัปดาห์ก่อน และ PBV ปี 2561-62 ยังต่ำ 1.1-1.2 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 1.5 เท่า
 
- CPALL (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 80.5 บาท คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 จะอ่อนตัวลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ขณะที่คาดอัตราเติบโตเฉลี่ยของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 3/2561 จะยังอยู่ในแนวบวกที่ 3.0% (เทียบกับที่ 3.5% ในไตรมาส 2/2561) กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 คิดเป็น 73.9% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 1.90 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.2% YoY) ทั้งนี้ บริษัทฯจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ในวันที่ 13 พ.ย.2561
 
- BGRIM (เคทีบีฯ) "ซื้อ"เป้า 36.50 บาท ให้น้ำหนักต่อหุ้นที่มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และมี growth ที่ดี โดยหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ อีกทั้งรายได้-กำไร ของ BGRIM  ไม่ได้อิงกับปัจจัยที่ถ่วงตลาดอยู่ในเวลานี้มากนัก พร้อมประมาณการปี 2561 ของ BGRIM ว่าจะมีกำไรปกติที่ 2.5 พันล้านบาท (+81% YoY) ทั้งนี้ประมาณการ H1/61 คิดเป็น 47% ของประมาณการทั้งปี โดย BGRIM ยังเหลือกำลังการผลิตตามสัดส่วนอีกราว 105MW ทยอย COD ในช่วง Q4/61
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไร
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดหุ้นหลายแห่งร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,538.92 จุด เพิ่มขึ้น 69.53 จุด, +0.30% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,723.72 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด, +0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,281.28 จุด เพิ่มขึ้น 108.37 จุด, +0.41% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,256.03 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด, +0.10% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,169.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด, +0.09% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,781.72 จุด เพิ่มขึ้น 7.57 จุด, +0.43% ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการเนื่องในวันชาติ
 
อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้า
 
IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 ลง 0.2% สู่ระดับ 3.7% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะขยายตัวที่ระดับ 3.7% เช่นเดียวกัน
 
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 2.5% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 6.2% อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 4.26 จุด หลังสื่อเผยอังกฤษ-EU อาจบรรลุข้อตกลง Brexit จันทร์หน้า
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) หลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) อาจบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ภายในวันจันทร์หน้า
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักข่าวดาวโจนส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากนักการทูตระบุว่า สหราชอาณาจักร และ EU อาจบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันจันทร์หน้า โดยรายงานระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถลดความขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นชายแดนของประเทศไอร์แลนด์ แต่ก็ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันในบางเรื่อง
 
ทางด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายเจรจาของ EU กล่าวว่า EU ใกล้บรรลุข้อตกลงกับสหราชอาณาจักร ขณะที่นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายอาจทำข้อตกลงกันในเดือนหน้า หรืออย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้
 
หุ้นรอยัล เมล ซึ่งเป็นบริษัทไปรษณีย์รายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 4.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรหุ้นที่คำนวณในดัชนี FTSE 100 ขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.8%
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับความหวังเจรจา Brexit คืบหน้า,หุ้นพลังงานพุ่ง
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่า สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) อาจบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ภายในวันจันทร์หน้า
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 372.93 จุด
 
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,977.22 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด หรือ +0.25% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 จุด หรือ +0.06% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,318.55 จุด เพิ่มขึ้น 18.31 จุด หรือ +0.35%
 
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักข่าวดาวโจนส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากนักการทูตระบุว่า สหราชอาณาจักร และ EU อาจบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันจันทร์หน้า โดยรายงานระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถลดความขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นชายแดนของประเทศไอร์แลนด์ แต่ก็ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันในบางเรื่อง
 
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.4%
หุ้นโรช ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป ปรับตัวลง 0.2% ขณะที่หุ้นโนโวซามส์ ดิ่งลง 1.4%
หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่สอง หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทแอร์บัสเตรียมแต่งตั้งนายกิลลูเม ฟาวรี ให้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารคนใหม่ แทนนายทอม เอนเดอร์ส
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีประจำเดือนส.ค. ขยับลง 0.1% สวนทางกับการคาดการณ์ที่คาดว่าจะขยายตัว 0.3%
 
ส่วนยอดนำเข้าเดือนส.ค.ปรับตัวลง 2.7% ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลง 0.2% ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นแตะ 1.83 หมื่นล้านยูโร (2.102 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค.
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 56.21 จุด หลัง IMF หั่นคาดการณ์ศก.โลก,วิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 อีกทั้งปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐและจีนในปี 2562 อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงเคลื่อนไหวในระดับที่สูงมาก
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,430.57 จุด ลดลง 56.21 จุด หรือ -0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,880.34 จุด ลดลง 4.09 จุด หรือ -0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,738.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด หรือ +0.03%
 
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุนนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจาก IMF  ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 ลง 0.2% สู่ระดับ 3.7% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะขยายตัวที่ระดับ 3.7% เช่นเดียวกัน
 
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 2.5% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 6.2% อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
 
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ถ้าหากจีนได้ทำการตอบโต้ต่อการเรียกเก็บภาษีก่อนหน้านี้ของสหรัฐ โดยทรัมป์กล่าวว่า ภาวะการค้าที่ไม่สมดุลระหว่างสหรัฐและจีนเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าจีนได้ทำการตอบโต้สหรัฐแล้ว พร้อมระบุว่า จีนไม่พร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ
 
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากแรงกดดันของสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.15% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.5% หุ้น 3M ปรับตัวลง 1.8% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 2.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดิ่งลง 2.4% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 2% และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ลดลง 0.4%
 
หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.5% จากความวิตกกังวลที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาเชื้อเพลิงอาจส่งผลกระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท
 
หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากที่นายพอล ทรัสเซลล์ นักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของวอลมาร์ท สู่ระดับ buy จากเดิมที่ hold พร้อมระบุว่า วอลมาร์ทจะมียอดขายสูงกว่าคาดในไตรมาส 3 ขณะที่บริษัทจะครองสัดส่วนตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 17% ในปี 2568 เทียบกับระดับ 19% ของอเมซอน
 
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยหุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.4%   หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 2.9%
 
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยหากตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้นมากกว่าระดับ 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
--อินโฟเควสท์
OO14832

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!