หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
3
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานเล็งตอบรับ Bond Yield สูง-สหรัฐโต้แย้งกับซาอุดิอาระเบีย
 
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐาน โดยดัชนีฯอาจจะแกว่ง Sideway Down เล็กน้อยจากความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) สหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูง และสหรัฐฯก็มีข้อโต้แย้งกับซาอุดิอาระเบียด้วย
 
ทั้งนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบียสร้างความกังวลให้กับตลาดทั่วโลก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐออกมากล่าวเกี่ยวกับกรณีที่ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียหายตัวอย่างลึกลับในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.โดยผู้นำสหรัฐประกาศว่าสหรัฐจะใช้มาตรการลงโทษสถานหนักหากสืบสวนพบว่าซาอุดีอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้
 
นายกิติชาญ กล่าวว่า แม้ว่าเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะบวกได้ และราคาน้ำมันกระเตื้องขึ้นมา แต่เชื่อว่าคงจะมีแรงขายออกมาในตลาดบ้านเราก่อน หลังจากวานนี้ตลาดบ้านเราปิดทำการไป แต่ตลาดภูมิภาคที่เปิดทำการต่างปรับตัวลงกันตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้ว
 
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติได้ขายออกมาถึง 242,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าปีนี้ขายมากสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ซึ่งแรงขายที่ออกมาเป็นผลจากหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ รวมถึงกังวลเรื่องของอัตราดอกเบี้ยด้วย ขณะที่ยังได้แรงซื้อจากกองทุนเข้ามาประคองตลาด
 
พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในสัปดาห์นี้ และติดตามว่าบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) จะยื่นประมูลคลื่น 900 MHz หรือไม่
 
โดยให้แนวรับ 1,690-1,688 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700-1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,250.55 จุด ลดลง 89.44 จุด (-0.35%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,430.74 จุด ลดลง 66.15 จุด (-0.88%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,750.79 จุด ลดลง 16.34 จุด (-0.59%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 26.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 141.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.27 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.57 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 9.66 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ต.ค.61) 1,696.16 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด (+0.79%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 3,652.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ต.ค.61) ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.6%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ต.ค.61) ที่ 5.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.61 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซา มองกรอบวันนี้ 32.55-32.70
- ร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างส่อแท้ง การพิจารณาใน สนช.ไม่มีความคืบหน้า รมช.คลังยอมรับไม่คืบหน้า กระทบนายทุน-ฐานเสียง โยนรัฐบาลหน้าตัดสินใจ
 
- สนข.เผยญี่ปุ่นสนใจลงทุนเพิ่มส่วนขยายสายสีแดง 2 หมื่นล้าน หวังเชื่อมการเดินรถต่อเนื่อง เล็งเปิดใช้ฟรีเฟสแรกปลายปี 2563
- สมาคมแบงก์ประชุมสมาชิกวันนี้ ระดมความเห็น เกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน หวังร่วมกำหนดข้อเสนอให้ ธปท.พิจารณา "กสิกร"คาดเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวกำกับดูแลในอนาคต
 
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยแพร่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.ย.61 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45.2 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 44.8 เนื่องจากครัวเรือนมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำ ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินของครัวเรือนได้บางส่วน นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตามระดับราคาสินค้าและบริการภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกและราคาอาหารนอกบ้านเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนอีกร้อยละ 2.17 และร้อยละ 0.70 ตามลำดับ
 
- ชาวสวนปาล์มโอดราคาปาล์มร่วงหนักสุดเป็นประวัติการณ์แตะระดับเฉลี่ยเพียง 2.50-2.60 บาทต่อ กก.วอนรัฐดูแลหวั่นดิ่งลงอีก สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลแจงเหตุสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบพุ่งกว่า 3 แสนตันเหตุผลผลิตล้น ส่งออกไม่ได้หลังราคาโลกดิ่งจากหลายปัจจัยรุมเร้า ด้านกลุ่มรถบรรทุกรับใช้บี 20 ไม่มากเหตุไม่จูงใจ
 
- อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างไทยกับอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งแรกปี 2561 มีมูลค่าการค้าสองฝ่ายรวม 6,224.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 26.9% แบ่งเป็นไทยส่งออกไปอินเดีย 3,933 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอินเดีย 2,291.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
- "ธนารักษ์" กางแผนงานปีงบประมาณ 62 ลุยรื้อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุโครงการบิ๊กโปรเจ็กต์ ชูที่ร้อยชักสามกดปุ่มเริ่มสัญญาเช่าใหม่ยาว 30 ปี รับทรัพย์ 2.8 พันล้านบาท เตรียมลุยสางสัญญาเช่าที่ราชพัสดุโครงการขนาดกลางประมาณ 60 สัญญา มูลค่า 3 พันล้านบาท
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 232 บาท เป็นหนึ่งในไม่กี่ธนาคารที่คาดว่ากำไร Q3/61 จะโตทั้ง Q-Q และ Y-Y โดยคาด 9,283 ลบ. +1% Q-Q, +14% Y-Y จากค่าใช้จ่ายสำรองที่คาด -23.5% Q-Q อีกทั้งแบงก์ใหญ่จะได้ประโยชน์จากทั้งการขยายตัวของเศรษกิจและการลงทุน รวมถึงดอกเบี้ยในประเทศที่กำลังเป็นขาขึ้น ด้านราคาหุ้นยังต่ำกว่าบุ๊ค และเป็นแบงก์ใหญ่หนึ่งเดียวที่ NVDR ซื้อเพิ่ม 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
 
- TOP (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 99 บาท ประมาณการกำไรสุทธิ Q3/61 อยู่ที่ 5,238 ล้านบาท -31% YoY และ +9% QoQ จากปัจจัย (1) กำลังการกลั่นกลับมาที่ 310 พันบาร์เรลต่อวัน +4% QoQ (2) Market GRM จะอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (3) GIM ของอะโรเมติกส์จะอยู่ประมาณ 0.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (4) กำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,786 ล้านบาท
 
- GFPT (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 16.50 บาท มีสัญญาณดีจากราคาเนื้อไก่ภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์พลิกไปอยู่ในขาลง (ราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองที่ลดลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 62) และการที่จีนได้อนุญาตให้นำเข้าเนื้อไก่จากไทย ได้ทำให้ H1/61 ส่งออกไก่ไปยังจีนดีที่สุดในรอบ 14 ปี เป็นอีกแรงที่ทำภาพการส่งออกเนื้อไก่โดยรวมแข็งแกร่ง ทิศทางการส่งออกไปที่ยังคงมุ่งสู่ขาขึ้นต่อไปอีกในระยะกลาง จึงประเมินว่ากำไรปี 62 จะฟื้นตัวอย่างร้อนแรงที่ 56% YoY เป็น 1.7 พันล้านบาท
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดในแดนลบเมื่อคืน
 
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,298.20 จุด เพิ่มขึ้น 26.90 จุด, +0.12% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,567.76 จุด ลดลง 0.34 จุด, -0.01% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,586.16 จุด เพิ่มขึ้น 141.10 จุด, +0.55% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,891.97 จุด ลดลง 9.15 จุด, -0.09% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,156.00 จุด เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, +0.51% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,053.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.27 จุด, +0.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,728.17 จุด ลดลง 0.57 จุด, -0.03% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,936.17 จุด เพิ่มขึ้น 9.66 จุด, +0.14%
 
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงอย่างมากของยอดขายที่ร้านอาหารและบาร์ แม้ยอดขายรถยนต์จะดีดตัวขึ้นก็ตาม
 
ทางด้านกระทรวงการคลังสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณในปีงบฯ 2561 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.99 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 โดยรายจ่ายของรัฐบาลพุ่งขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า ขณะที่รายรับของรัฐบาลขยายตัวเพียง 0.4%
 
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ส่วนในวันพรุ่งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 33.31 จุด
 
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 16 ตุลาคม 2561 07:39:06 น.
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,029.22 จุด เพิ่มขึ้น 33.31 จุด หรือ +0.48%
 
หุ้นกลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นโททาล ปรับตัวขึ้น 1.2% หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.3% และหุ้นลันดิน ปิโตรเลียม ขยับขึ้น 0.5%
 
นักลงทุนจับตาการเจรจา Brexit โดยรัฐบาลอังกฤษยังมั่นใจว่า การเจรจาจะคืบหน้าต่อไปได้ แม้ว่าการเจรจาระหว่างนายโดมินิค แรบ รัฐมนตรีที่ดูแลเรื่อง Brexit กับนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นที่มีความสำคัญ
 
ทั้งนี้ ยังไม่มีการวางแผนเรื่องการจัดการเจรจาเพิ่มเติมก่อนหน้าที่การประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรปจะเปิดฉากขึ้นในวันพุธที่จะถึงนี้
ก่อนหน้านี้ นายกุนเทอร์ ออตติงเจอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กล่าวว่า เขามองเห็นโอกาสที่จะมีการบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรปในสัปดาห์หน้า เมื่อผู้นำของ 27 ชาติในสหภาพยุโรป (EU) มีการประชุมร่วมกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับความหวังผลประกอบการสดใส
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้ถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 359.31 จุด
 
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,614.16 จุด เพิ่มขึ้น 90.35 จุด หรือ +0.78% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,029.22 จุด เพิ่มขึ้น 33.31 จุด หรือ +0.48% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,095.07 จุด ลดลง 0.90 จุด หรือ -0.02%
 
หุ้นบริษัทรถยนต์รายใหญ่ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 3% และหุ้น BMW ดีดตัวขึ้น 1%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นโททาล ปรับตัวขึ้น 1.2% หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.3% และหุ้นลันดิน ปิโตรเลียม ขยับขึ้น 0.5%
 
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียได้สร้างความกังวลให้กับตลาด โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 นาที" ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เกี่ยวกับกรณีที่นายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียหายตัวอย่างลึกลับหลังเข้าไปติดต่อธุระที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้นำสหรัฐประกาศว่า สหรัฐจะใช้มาตรการลงโทษสถานหนัก หากผลการสืบสวนพบว่าซาอุดีอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม
 
ด้านซาอุดีอาระเบียลั่นพร้อมตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการที่รุนแรงกว่า พร้อมย้ำเตือนว่า ซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจน้ำมันนั้น มีบทบาทสำคัญและทรงประสิทธิภาพในเศรษฐกิจโลก
 
นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป หรืออียู ซัมมิต ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันพุธนี้ โดยจะมีประเด็นเบร็กซิตเป็นหัวข้ออภิปรายหลัก นอกจากนี้ ประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ยังคงเป็นจุดขัดแย้งสำคัญที่สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปยังหาทางประนีประนอมกันไม่ได้ โดยไอร์แลนด์เหนือเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ขณะที่สาธาณรัฐไอร์แลนด์เป็นรัฐสมาชิกของ EU ส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดการพรมแดนไอร์แลนด์หลังสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกของ EU
 
ด้านการเมืองเยอรมันก็เป็นที่จับตาเช่นกัน หลังจากที่พรรคคริสเตียน โซเชียล ยูเนียน ซึ่งเป็นพรรคน้องในรัฐบาวาเรียของพรรครัฐบาลที่นำโดยนางอังเกลา แมร์เคิล ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายสิบปีในการเลือกตั้งท้องถิ่น ส่งผลให้พรรคทางเลือกใหม่อย่าง อัลเทอร์เนทีฟ ฟอร์ เยอรมนี คว้าคะแนนเสียงมากพอที่จะเข้าสู่รัฐสภาของบาวาเรีย ทั้งนี้ รัฐบาลผสมของนางแมร์เคิลเผชิญภาวะกดดันมากมายนับตั้งแต่ชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่สี่ในปีที่แล้ว ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า การสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาบาวาเรีย อาจส่งผลให้ต้องมีการประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 89.44 จุด เหตุหุ้นเทคโนฯร่วง,วิตกการเมืองสหรัฐ-ซาอุฯ
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ และสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,250.55 จุด ลดลง 89.44 จุด หรือ -0.35% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,430.74 จุด ลดลง 66.15 จุด หรือ -0.88% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,750.79 จุด ลดลง 16.34 จุด หรือ -0.59%
 
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 2.1% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 1.5% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.8% หุ้น Nvidia ร่วงลง 4.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.3% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 2.3% หุ้นอินเทล ลดลง 0.8% แล หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.14%
 
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.9% หลังจากยอดการปล่อยกู้ในไตรมาส 3 ของแบงก์ ออฟ อเมริกา อยู่ในระดับต่ำกว่าธนาคารรายอื่นๆที่เป็นคู่แข่ง
ขณะเดียวกันตลาดได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงอย่างมากของยอดขายที่ร้านอาหารและบาร์ แม้ยอดขายรถยนต์จะดีดตัวขึ้นก็ตาม
 
ทางด้านกระทรวงการคลังสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณในปีงบฯ 2561 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.99 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 โดยรายจ่ายของรัฐบาลพุ่งขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า ขณะที่รายรับของรัฐบาลขยายตัวเพียง 0.4%
 
นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบียได้สร้างความกังวลให้กับตลาดเช่นกัน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 นาที" ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เกี่ยวกับกรณีที่นายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียหายตัวอย่างลึกลับหลังเข้าไปติดต่อธุระที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้นำสหรัฐประกาศว่า สหรัฐจะใช้มาตรการลงโทษสถานหนัก หากผลการสืบสวนพบว่าซาอุดีอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม
 
ทางด้านซาอุดีอาระเบียลั่นพร้อมตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการที่รุนแรงกว่า พร้อมย้ำเตือนว่า ซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจน้ำมันนั้น มีบทบาทสำคัญและทรงประสิทธิภาพในเศรษฐกิจโลก
 
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข่าวการหายสาบสูญของนายคาช็อกกี มีรายงานว่า ผู้บริหารของจีเอ็ม เจพีมอร์แกน และฟอร์ด เป็นผู้บริหารรายล่าสุดที่ได้ตัดสินใจยกเลิกเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจที่กรุงริยาดในเดือนนี้ ขณะที่นายสตีฟ มนูชิน รมว.การคลังสหรัฐยังไม่ได้ประกาศยกเลิกแผนเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด แม้จะมีเสียงเรียกร้องก็ตาม
 
ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า เขาจะส่งนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่นายทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับกษัตริย์ซาอุฯ และพระองค์ทรงปฏิเสธไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
 
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ส่วนในวันพรุ่งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.
--อินโฟเควสท์
OO15032

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!