หมวดหมู่: การตลาด

1aaa J.D


การใช้อุปกรณ์ดิจิทัลของที่ปรึกษางานขายช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า ผลการศึกษาวิจัยจาก เจ.ดี. พาวเวอร์ โตโยต้าได้รับคะแนนความพึงพอใจด้านบริการงานขายสูงสุดในประเทศไทย

      ผลการศึกษาวิจัยดัชนีด้านบริการงานขายในประเทศไทย ประจำปี 2561 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2018 Thailand Sales Satisfaction Index (SSI) Study,SM) เปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้แท็บเล็ตในกระบวนการขายเป็นหนึ่งวิธีการสำคัญในการขับเคลื่อนความพึงพอใจของลูกค้า โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อสาธิตวิธีการใช้งานคุณลักษณะ (Feature) ต่างๆ ของรถยนต์ และเพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อรถยนต์ได้อย่างเหมาะสม

jd power logo png     มากกว่าหนึ่งในสาม (34%) ของลูกค้ากล่าวว่า การใช้แท็บเล็ตเป็นส่วนหนึ่งในการพูดคุยกับที่ปรึกษางานขาย โดย 67% ของลูกค้ากลุ่มนี้ระบุว่าแท็บเล็ตถูกใช้เพื่อแสดงราคา หรือข้อมูลการชำระเงิน ทั้งนี้ลูกค้ากลุ่มที่ที่ปรึกษางานขายใช้แท็บเล็ตมีความพึงพอใจสูงกว่าลูกค้ากลุ่มที่ที่ปรึกษางานขายใช้อุปกรณ์อื่นๆ (866 คะแนน เทียบกับ 840 คะแนน ตามลำดับ จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน) เช่น สมาร์ทโฟนของพนักงานผู้จำหน่าย, สมาร์ทโฟนของลูกค้าเอง หรือซุ้มแสดงเทคโนโลยีและหน้าจอสัมผัส (Touchscreen) นอกจากนี้การสำรวจยังพบว่า ระดับความพึงพอใจจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อมีการใช้แท็บเล็ตเพื่อสาธิตวิธีการใช้งานคุณลักษณะ (Feature) ต่างๆ ของรถยนต์ ในระหว่างการตัดสินใจซื้อ (858 คะแนน) หรือใช้เพื่อแสดงราคา หรือข้อมูลการชำระเงิน (854 คะแนน)

     'อุปกรณ์ดิจิทัลอย่างแท็บเล็ต ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขาย'ศิรส สาตราภัย ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค เจ.ดี. พาวเวอร์ ประจำประเทศไทย กล่าว “ในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่าแท็บเล็ตจะเป็นอุปกรณ์ที่ที่ปรึกษางานขายทุกคนใช้ โดยเฉพาะเพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า, นำเสนอผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลและวิธีการใช้งาน รวมถึงการแสดงข้อเสนอและแพ็กเกจด้านการเงินต่างๆ ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้แท็บเล็ต คือ การช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้ ซึ่งการผสมผสานระหว่างการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยกับการบริการลูกค้าอย่างใส่ใจจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้”

               การศึกษาวิจัยยังพบอีกว่า ลูกค้าจะมีความพึงพอใจที่สูงขึ้น เมื่อที่ปรึกษางานขายใช้อุปกรณ์ดิจิทัลที่ติดตั้งแอปพลิเคชันของผู้จำหน่ายหรือแอปพลิเคชันของยี่ห้อรถเอาไว้ (30%) เทียบกับกลุ่มลูกค้าที่ที่ปรึกษางานขายใช้แท็บเล็ต เพื่อเข้าเว็บไซต์ของผู้จำหน่ายหรือเว็บไซต์ของยี่ห้อรถนั้นๆ (864 คะแนน เทียบกับ 836 คะแนน ตามลำดับ)

ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมที่ได้จากการสำรวจ:

·     การเสนอให้ทดลองขับระหว่างการเยี่ยมชมโชว์รูมถือเป็นหัวใจสำคัญ: ลูกค้าที่ได้รับการเสนอให้ทดลองขับมีความพึงพอใจสูงกว่าลูกค้าที่ไม่ได้รับการเสนอ (857 คะแนน เทียบกับ 810 คะแนน ตามลำดับ) การสำรวจพบว่า จาก 92% ของลูกค้าที่ได้รับการเสนอให้ทดลองขับ มีถึง 61% ที่ได้ทดลองขับ และสำหรับลูกค้าที่ไม่ได้รับการเสนอให้ทดลองขับ มี 34% กล่าวว่าตนไม่ต้องการหรือจำเป็นต้องทดลองขับ

·     การค้นหาข้อมูลของรถยนต์ออนไลน์ไม่ทำให้ระดับความพึงพอใจเพิ่มขึ้น: ระดับความพึงพอใจของลูกค้าที่ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลรถยนต์ใหม่ต่ำกว่าลูกค้าที่ไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ต (842 คะแนน เทียบกับ 862 คะแนน ตามลำดับ) เนื่องจากการค้นหาข้อมูลของรถยนต์ก่อนการเยี่ยมชมโชว์รูม ทำให้ลูกค้ารับทราบข้อมูลมาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ จึงมีความคาดหวังที่สูงกว่า โดยลูกค้าที่ใช้อินเทอร์เน็ตจะให้ความสำคัญกับการค้นหาราคารถยนต์ก่อนเป็นอันดับแรก (69%); ตามมาด้วยโปรโมชั่นหรือแคมเปญต่างๆ (59%); โบรชัวร์/ รูปภาพรถ (55%); รีวิว/บล็อกจากผู้ใช้หรือผู้เชี่ยวชาญ (47%); และคุณลักษณะ (Feature) หรืออุปกรณ์ตกแต่งรถต่างๆ (46%)

·     การบอกเล่าแบบปากต่อปาก โดยเพื่อน/ ญาติ และเจ้าของรถที่ใช้รถยี่ห้อเดียวกัน มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ: แหล่งข้อมูลสองแหล่งที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ซึ่งลูกค้ามองหาเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ คือ ข้อมูลจากเพื่อน/ ญาติ (57%) และเจ้าของรถที่ใช้รถยี่ห้อเดียวกัน (32%) ส่วนการตัดสินใจเลือกผู้จำหน่ายนั้นในเบื้องต้นได้รับอิทธิพลมาจากคำแนะนำจากเพื่อน/ ญาติ (60%), ที่ตั้งของผู้จำหน่าย (54%) และรูปลักษณ์ของโชว์รูมผู้จำหน่าย (30%)

ผลการจัดลำดับจากการศึกษาวิจัย

               โตโยต้า ครองอันดับสูงสุดด้านความพึงพอใจในการบริการงานขายด้วยคะแนนรวม 860 คะแนน ทำคะแนนได้ดีใน 3 ปัจจัยจากทั้งหมด 6 ปัจจัย ได้แก่ สิ่งอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย; การเจรจาตกลง; และการจัดเตรียมเอกสาร เชฟโรเลต ครองอันดับสอง ด้วยคะแนน 858 คะแนน ตามมาด้วยอีซูซุ ที่คะแนน 853 คะแนน

               การศึกษาวิจัยดัชนีด้านบริการงานขายในประเทศไทย ประจำปี 2561 ประเมินความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าจากประสบการณ์การซื้อรถยนต์คันใหม่ใน 6 ปัจจัยหลัก (เรียงลำดับตามความสำคัญ) ได้แก่ ที่ปรึกษางานขายของผู้จำหน่าย (25%); ขั้นตอนในการส่งมอบรถ (23%); สิ่งอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย (18%); การจัดเตรียมเอกสาร (16%); การเจรจาตกลง (16%); และเว็บไซต์ของผู้จำหน่าย (2%)

               ปีนี้นับเป็นปีที่ 19 ของการศึกษาวิจัย ซึ่งทำการศึกษาจากการประเมินคำตอบของเจ้าของรถยนต์ใหม่จำนวน 3,006 รายที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกันยายน 2561

               ในการศึกษาปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการสำรวจ Net Promoter Score® (NPS)[1] ซึ่งวัดแนวโน้มที่เจ้าของรถจะแนะนำแบรนด์ผู้ผลิตและรถยนต์รุ่นเดียวกับของพวกเขากับบุคคลอื่น โดยให้คะแนนระหว่าง 0-10 คะแนน

ติดต่อสื่อมวลชนสัมพันธ์

Aisling Carty; เจ.ดี. พาวเวอร์; ประเทศสิงคโปร์, โทร +65-3165-0119; This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Geno Effler; เจ.ดี. พาวเวอร์; คอสตา เมซา, แคลิฟอร์เนีย, ประเทศสหรัฐอเมริกา; โทร +001-714-621-6224; This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข้อมูล เจ.ดี. พาวเวอร์ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

               เจ.ดี. พาวเวอร์ มีสำนักงานอยู่ที่สิงคโปร์, กรุงเทพฯ, ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และโตเกียว เป็นผู้ให้บริการศึกษาวิจัยความพึงพอใจของลูกค้า และให้บริการการให้คำปรึกษาสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และสถาบันการเงิน ในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค จากสำนักงานทั้ง 5 แห่งในภูมิภาค เจ.ดี. พาวเวอร์ ได้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าต่อทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย, จีน, ฮ่องกง, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวียดนาม ทั้งนี้ เจ.ดี. พาวเวอร์ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท XIO บริษัทผู้ให้บริการด้านการลงทุนทางเลือกและกิจการเงินร่วมลงทุนระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอน โดยมีผู้นำในการบริหารงาน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง 4 ท่าน ได้แก่ Athene Li, Joseph Pacini, Murphy Qiao และ Carsten Geyer ข้อมูลเกี่ยวกับเจ.ดี. พาวเวอร์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ asean-oceania.jdpower.com

               ข้อมูลเกี่ยวกับเจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power) และหลักเกณฑ์การโฆษณา/ การส่งเสริมการขายต่างๆ สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ www.jdpower.com/about-us/press-release-info

               (23 ตุลาคม 2561) จีนมีพิธีเปิดสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า (HKZMB) สะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลก เชื่อมต่อฮ่องกง มาเก๊า และจีนแผ่นดินใหญ่

               -เริ่มเปิดใช้งานวันพรุ่งนี้ (24 ตุลาคม 2561)

               -งบก่อสร้างกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.5 แสนล้านบาท)

               -เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2552

               -เป็นสะพานข้ามทะเลความยาว 55 กม. ซึ่งรวมถึงสะพานถนนวนเวียน และอุโมงค์ใต้ทะเล เชื่อมต่อเกาะลันเตาของฮ่องกง ไปยังเมืองจูไห่ในมณฑลกวางตุ้ง และมาเก๊า ดินแดนบ่อนกาสิโน โดยข้ามทะเลบริเวณปากแม่น้ำจูเจียง

               -สะพานนี้จะช่วยย่นระยะเวลาเดินทางจาก 3 ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 30 นาที

               -ผู้ที่ต้องการจะใช้สะพานนี้ จำเป็นจะต้องจอดรถยนต์ไว้ที่ท่าเรือฮ่องกง ก่อนที่จะต่อรถชัตเทิลบัส หรือเช่ารถยนต์ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง สำหรับค่าบริการรถชัตเทิลบัสช่วงกลางวันอยู่ที่ 58 หยวน (ประมาณ 290 บาท) และช่วงกลางคืน 63 หยวน (ประมาณ 315 บาท)

               -สะพานนี้ถูกสร้างและออกแบบมารองรับสถานการณ์แผ่นดินไหวขนาดแมกนิจูด 8.0 และซูเปอร์ไต้ฝุ่น

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!