หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
32
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวตามตลาด ตปท.เล็งเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯตามโพลล์เป็นบวกต่อเอเชีย
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าฟื้นตัวขึ้นได้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา คาดเก็งผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯตามผลโพลล์เป็นบวกต่อตลาดเอเชีย ซึ่งผลการนับคะแนนเบื้องต้นที่ยังไม่แล้วเสร็จรีพับลิกันนำวุฒิสภา และเดโมแครตนำในสภาล่าง หากออกมาเป็นเช่นนี้ก็จะคานอำนาจกันได้
 
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7-8 พ.ย.นี้ รอบนี้คาดว่าเฟดคงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.22% หลังจากที่นักลงทุนย้ายมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่ก็ไม่น่าห่วงเพราะเฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงนี้
 
ปัจจัยในประเทศติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/61 ขณะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) 21 ประเทศ เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.61 ถึงสิ้นเดือน ม.ค.62 ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้พร้อมให้แนวรับ 1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,685 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,635.01 จุด พุ่งขึ้น 173.31 จุด (+0.68%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,755.45 จุด เพิ่มขึ้น 17.14 จุด (+0.63%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,375.96 จุด เพิ่มขึ้น 47.11 จุด (+0.64%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 41.99 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 4.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.80 จุด,  ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 23.88 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.15 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.61) 1,669.33 จุด ลดลง 1.25 จุด (-0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติซื้อสุทธิ 2,157.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ย.61) ปิดที่ 62.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.4%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.61) ที่ 4.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.94/98 ทรงตัวจากวานนี้ มองกรอบวันนี้ 32.85-33.00 ตลาดรอลุ้นผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ
- "สมคิด"หารือ"แจ็ค หม่า"เพิ่มความร่วมมือเศรษฐกิจสั่งอุตสาหกรรมช่วยหาที่ดินในอีอีซีให้ตั้งฮับโลจิสติกส์ เตรียมส่ง 3 กระทรวง เรียนพื้นฐานพัฒนาชุมชนจากการค้าออนไลน์ได้ พาณิชย์เร่งคุยหลังออเดอร์ผลไม้ไทยทะลัก
 
- "สรรพสามิต"จ่อชงครม.อนุมัติแพ็คเกจภาษีใหม่ เน้นยกระดับคุณภาพชีวิต เล็งเก็บภาษีสินค้าที่ให้ ความเค็มมี"เกลือ-โซเดียม"เป็นส่วนประกอบ ยึดหลักการเดียวกับ"น้ำตาล"เปิดโอกาสผู้ประกอบการปรับตัว 5 ปี พร้อมหนุนอุตสาหกรรม"เอส-เคิร์ฟ" ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แจงเร่งปรับสูตรสินค้า รับอาจกระทบ ยอดขายช่วงสั้น รอลุ้นอัตราจัดเก็บกระทบต้นทุนหรือไม่
 
- กกร.เตรียมเสนอรัฐบาลฟื้นเวทีประชุม กรอ.ที่มีนายกฯเป็นประธานในสิ้นปีนี้ หลังห่างหายไปนาน 4-5 ปี หวังดันสารพัดเรื่องมาแก้ไขเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะปี 2562 ที่มีปัจจัยเสี่ยงสารพัดทั้งผวาสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนระลอก 3 ศก.โลกชะลอตัว น้ำมันอาจแพง คงเป้าจีดีพีปีนี้โต 4.4-4.8% ส่งออกโต 8-10% แต่ปีหน้าส่งออกโตแค่ 5-6%
 
- ครม.เห็นชอบร่างเอ็มโอยู"การบินและการควบคุมเรือ" อาเซียน "อาคม" เผยไทยเตรียมลงนามในการประชุมรมต.ขนส่งอาเซียน 9 พ.ย.นี้ เพิ่มสิทธิการบินเชื่อมจุดในประเทศสมาชิก มากกว่า 2 จุด หนุนเปิดบินเชื่อมเมืองรองของไทย
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- NER (บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดธุรกิจการเกษตร โดยมีราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.58 บาท/หุ้น ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าหุ้น NER โดยอิง PE เฉลี่ยของ STA 10 ปีย้อนหลังที่ 13 เท่า ใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ยของบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกันในระดับโลก ได้ราคาที่เหมาะสมปี 2562 เท่ากับ 4.16 บาท
 
บริษัทฯเป็นผู้ผลิตและและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน (RSS) ยางแท่ง (STR) และยางผสม (Mixtures Rubber) รายใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราคาดว่ากำไรปี 2018 จะเพิ่มขึ้น 40%Y-Y เนื่องจากการปรับขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ, การบริหารแรงงาน, และการปรับกระบวนการผลิตในส่วนของการผลิตยางผสม ผลกำไรจะเริ่มยกฐานขึ้นในปี 2562 จากการเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ของยางผสม และในปี 2563 การเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวในยางแท่งและยางผสม
 
- PTTGC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 120 บาท หลังการประกาศงบของ SCC และ SPRC สัญญาณในหลายๆธุรกิจที่คล้ายกัน บ่งชี้ว่างบ Q3/61 ของ PTTGC น่าจะออกมาดีสุดในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตร เพราะโรงกลั่นไม่มีการผลิต Gasoline เหมือน SPRC และโอเลฟินส์มีต้นทุนเป็นก๊าซ ไม่โดนผลลบเหมือน SCC พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 61 +9.5% Y-Y เป็น 4.3 หมื่นลบ. และ +7% Y-Y เป็น 4.6 หมื่นลบ.ในปี 62 ด้านราคาหุ้นตอนนี้ยังไม่แพง PE แค่ 8.1 เท่า และปันผลสูง 5.8%
 
- SF (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 10.60 บาท คาดผลประกอบการจะถูกผลักดันจากการปรับขึ้นค่าเช่า และการปรับปรุงโครงการเดิมทำให้มีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น เช่น ใน Q1/62 พื้นที่ส่วนขยายของเมกาบางนา 8,500 ตารางเมตร จะพัฒนาเป็นโซน Edutainment มีผู้เช่าหลักคือ Harbor Land และโรงเรียนสอนพิเศษ นอกจากนั้น ยังมีโครงการทองหล่อ 4 กำลังพิจารณาปรับปรุงเป็น Mixed use โดย Q3/61 กำไรสุทธิ 337 ล้านบาท (+47% QoQ และ +4% YoY) แนวโน้มกำไรปกติ Q4/61 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล
-อินโฟเควสท์ 
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!