หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
SET32
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งย่อตัวลงจากแรงขายทำกำไรที่สลับเข้ามา หวั่นแรงกดดันจากเวิลด์แบงก์หั่น GDP โลก
 
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งย่อตัวลงจากแรงขายทำกำไรที่สลับเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะเผชิญ Sell on fact หลังผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ออกมาน่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้ โดยทางสหรัฐฯออกมาระบุว่าจีนจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น ซึ่งก็น่าจะช่วยผ่อนคลายได้บ้าง ตอนนี้ก็รอดูทางจีนจะออกมาว่าอย่างไรบ้าง
 
แต่ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับแรงกดันจากธนาคารโลกได้ออกมาปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ของโลกลง 0.1% โดยได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ลงเกือบทุกประเทศ ซึ่งไทยก็โดนด้วยแต่เล็กน้อย จึงไม่น่ากลัว แต่ประเทศที่ปรับลดคาดการณ์ลงมากเป็นประเทศตุรกี และอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นประเทศที่มีปัญหาอยู่แล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า
 
พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,879.12 จุด เพิ่มขึ้น 91.67 จุด (+0.39%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,957.08 จุด เพิ่มขึ้น 60.08 จุด (+0.87%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.96 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด (+0.41%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 156.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 70.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 7.20 จุด,  ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.55 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 21.72 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ม.ค.62) 1,590.50 จุด ลดลง 3.50 จุด (-0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 772.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ม.ค.62) ปิดที่ 52.36 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.58 ดอลลาร์ หรือ 5.2%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ม.ค.62) ที่ 3.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.95/97 แนวโน้มแข็งค่าจากดอลล์อ่อนหลังรายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
- คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ไฟเขียว"เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์"ขึ้นบัญชีสินค้าบริการควบคุม ต้องแจ้งราคาต้นทุน พร้อมเสนอครม.อนุมัติ 22 ม.ค.นี้ ด้านโรงพยาบาลเอกชนออกโรงต้าน อ้างกำไรไม่สูง แถมลิดรอนสิทธิทางเลือกประชาชน ทำลายแข่งขันเสรี ด้านมูลนิธิผู้บริโภคเผยสถิติร้องเรียนพุ่ง ตะลึงค่ายาแพงกว่าปกติ 400 เท่า
 
- 3 สมาคมการค้าสินค้าประมงชื่นชมรัฐบาลปลดล็อกใบเหลืองไอยูยู แนะจับมือ อียูทำงานต่อเนื่อง เร่งฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไทย TU ชี้แนวโน้มตลาดการค้าอาหารทะเลไทยไปอียูสดใส "สนธิรัตน์" ระบุความเชื่อมั่นอุตฯประมงแปรรูปอาหารทะเลขยายตัวพุ่ง ความเป็นอยู่ ชาวประมงดีขึ้น
 
- "สมคิด" สุดปลื้มผลงาน บีโอไอโชว์ตัวเลขยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนปี 61 ทะลุ 9 แสนล้านบาทโต 43% เกินคาดปีนี้ตั้งเป้า 7.5 แสนล้านบาท เหตุเศรษฐกิจโลกผันผวน สั่งบีโอไอปรับบทบาทรับอนาคต ทั้งการลดความเหลื่อมล้ำอัดสิทธิประโยชน์พิเศษกระจายลงทุนสู่ภูมิภาคที่เน้นเกษตรกรรม วิสาหกิจ ในพื้นที่ ปัดฝุ่นบ้าน บีโอไอช่วยคนจน ขยายเขตพัฒนาพิเศษไปเหนือและอีสานปั้นสตาร์ทอัพ และทำการท่องเที่ยวให้เป็นศูนย์กลางการเติบโตเศรษฐกิจไทย
 
- ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 2.9% ลดลง 0.1% จากคาดการณ์เดือน มิ.ย. 2561 โดย ระบุว่าความเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจมีทั้งความตึงเครียดทางการค้า ภาคการผลิตอ่อนแรงลง รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินตึงตัวทั่วโลก
 
- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินจีดีพีปี 62 ขยายตัว 4% ส่งออกโต 5% มองทิศทางเศรษฐกิจชะลอลง จับตาปัจจัยต่างประเทศ สงครามการค้าเสี่ยงกระทบ ชี้หากสถานการณ์เลือกตั้งสงบเรียบร้อย ตั้งรัฐบาลและกระบวนการทุกอย่างโปร่งใส อาจเห็นจีดีพีถึง 4.5%
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 46 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/61 ที่ราว 1.42 พันล้านบาท +1.7% Q-Q, +51% Y-Y ทำให้กำไรสุทธิปี 2561 น่าจะจบที่ 5.3 พันล้านบาท โตแรงถึง 61% Y-Y และคาดการณ์ปีนี้โตต่ออีก 24% Y-Y อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท ส่วน Upside ระยะยาวคือการลดสำรองฯ จากคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น ด้าน NVDR ซื้อเพิ่มตั้งแต่ ต.ค.61 ราว 20 ล้านหุ้น จนมาทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 125 ล้านหุ้น และเดือน ม.ค. ถือเป็นเดือนที่ดีของ KTC ย้อนหลังไป 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% M-M
 
- BEM (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 11.5 บาท ยังมั่นใจได้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนอีก 37 ปี เพิ่ม Valuation ให้ BEM 2.9 บาทต่อหุ้น อีกทั้งยังปลดล็อก Overhang ของสัญญาสัมปทานเดิมที่จะหมดอายุในปี 2563
 
- IRPC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 6.70 บาท แม้ผลประกอบการ Q4/61 มีโอกาสพลิกเป็นขาดทุน จากผลกระทบขาดทุนสต๊อกน้ำมัน แต่เชื่อว่าผลประกอบการที่อ่อนแอได้ถูกรับรู้ไปแล้ว แนวโน้มผลประกอบการปกติปี 2562 คาดปรับขึ้น 25.2% YoY หนุนโดยการเดินเครื่องเต็มที่มากขึ้น และ GIM ที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ลดลง
 
-อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!