หมวดหมู่: น้ำมัน-แก๊ส

Oil 1 17


พายุเดลต้าในสหรัฐฯ และการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานแท่นขุดเจาะในนอร์เวย์ กระทบอุปทานน้ำมันดิบ

บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 12 ตุลาคม 2563

                 

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 38-43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 39-44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล      

                                   

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 12 - 16 ต.ค. 63)

       ราคาน้ำมันดิบผันผวน หลังพายุเฮอริเคนเดลต้าพัดเข้าอ่าวเม็กซิโก สหรัฐฯ ส่งผลให้แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติหยุดดำเนินการชั่วคราว และมีแนวโน้มที่โรงกลั่นหลายแห่งในบริเวณอ่าวจะต้องหยุดดำเนินการตามไปด้วยหลังพายุเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่ง นอกจากนั้นการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในนอร์เวย์ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดมีแนวโน้มปรับลดลง ท่ามกลางการกลับมาผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของลิเบีย

 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

           ราคาน้ำมันดิบมีปัจจัยสนับสนุน หลังพายุเดลต้าทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระดับ 3 (เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 63) ในบริเวณอ่าวเม็กซิโก สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นพายุลูกที่ 10 ที่ก่อตัวและทำความเสียหายต่อสหรัฐฯ ในปี 63 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในรอบศตวรรษ โดยพายุเดลต้าได้ส่งผลกระทบต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติหลายแห่งประมาณ 183 แท่น ทำให้ต้องหยุดดำเนินการผลิตน้ำมันดิบชั่วคราวราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (คิดเป็น 80% ของการผลิตในบริเวณอ่าว) นอกจากนั้น Shell มีแผนจะอพยพและปิดโรงกลั่นสามแห่งในบริเวณดังกล่าว หากพายุเดลต้าเข้าสู่ฝั่ง

           แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาตินอร์เวย์ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การหยุดงานประท้วงของสหภาพลูกจ้าง Equinor ทำให้ปัจจุบันแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติต้องหยุดดำเนินการราว 330 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน คิดเป็นราวร้อยละ 8 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของนอร์เวย์ อย่างไรก็ตาม สหภาพลูกจ้างอาจยืดระยะเวลาการประท้วงหยุดงานออกไปจากกำหนดการเดิมในวันที่ 10 ต.ค. 63 เป็นวันที่ 14 ต.ค. 63 และอาจทำให้เกิดการหยุดงานประท้วงที่ Johan Sverdrup ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 0.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากข้อตกลงเรื่องค่าแรงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จะทำให้ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลก

           Saudi Aramco ประกาศราคาขาย Official selling price (OSP) ของน้ำมันดิบ Arab Light สำหรับขายมายังภูมิภาคเอเชีย เดือน พ.ย. 63 อยู่ที่ระดับ -0.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็นการปรับเพิ่มขึ้น 0.10 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 63 ซึ่งสอดคล้องที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันโลกมีทิศทางค่อยๆฟื้นตัว แต่กำไรจากการกลั่นยังคงอยู่ในระดับต่ำ ราคา OSP ที่เหมาะสมควรจะอยู่ในระดับต่ำ

           อุปทานส่วนเกินในตลาดยังถือว่าอยู่ในระดับสูงขึ้น หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก-13 เดือน ก.ย.63 เพิ่มสูงขึ้นราว 0.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับเดือน ส.ค. 63 โดยส่วนมากเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตจากประเทศลิเบีย ที่ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงลดกำลังการผลิต และล่าสุดมีการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังกองกำลังติดอาวุธได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาล จึงทำให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบียกลับมาผลิตน้ำมันดิบและส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง

           สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในปี 63 จะปรับลดลงราว 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับปี 62 สู่ระดับ 11.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบผันผวนและอาจอยู่ในระดับต่ำกว่าต้นทุนการผลิตน้ำมันดิบ ขณะที่ในปี 64 คาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับลดลงจากปี 63 อีกราว 0.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 11.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค. 63 โดย EIA ปรับตัวสูงขึ้น 0.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 429.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.29 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้กำลังการผลิตของโรงกลั่นสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นร้อยละ 1.3 สู่ระดับร้อยละ 77.1 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

           ตลาดกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากการรักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 63 ได้ประกาศผ่านทางทวีตเตอร์ส่วนตัวว่า จะระงับการเจรจาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ สำหรับอัดฉีดระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทรัมป์จะเปิดการเจรจารอบใหม่ จนกว่าจะจบการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 63

           เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักรเดือน ส.ค. 63 ดัชนีผู้บริโภคสหรัฐฯและจีนเดือน ก.ย. 63 ผลผลิตอุตสาหกรรมกลุ่มยูโรโซนเดือน ส.ค. 63 รายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ (Initial Jobless Claims) ณ สัปดาห์สิ้นสุด 9 ต.ค.63 การประชุมไอเอ็มเอฟ การดีเบตของประธานาธิบดีสหรัฐฯรอบที่ 2  

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (5  - 9 ต.ค. 63)

      ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 3.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 40.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 3.58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 42.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 42.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการหยุดดำเนินการผลิตของแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากการถล่มของพายุเดลต้า ในสหรัฐฯและการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในนอร์เวย์ ทำให้อุปทานน้ำมันดิบปรับลดลง อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุโรป ทำให้มีการบังคับใช้มาตรฐานปิดพื้นที่บางส่วน เพื่อลดการแพร่ระบาด ส่งผลกดดันความต้องการใช้น้ำมัน

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!