หมวดหมู่: พาณิชย์

1a4AB1ทศพล ทังสุบุตร


ตั้งบริษัทใหม่ต.ค.64 เลขสวย 5,555 ราย เพิ่ม 3% คาดทั้งปีเกินเป้าทะลุ 7 หมื่นราย

     กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยบริษัทตั้งใหม่เดือนต.ค.64 เริ่มฟื้นตัว มีจำนวน 5,555 ราย เพิ่มขึ้น 3% หลังเจอผลกระทบโควิด-19 ก่อนหน้า มีทุนจดทะเบียนกว่า 2.1 หมื่นล้าน ยอดเลิกจำนวน 1,976 ราย ลดลง 4% ทุนเลิก 1.94 แสนล้าน เหตุ ส่วนการตั้งใหม่ 10 เดือน 63,611 ราย เพิ่ม 14% เลิก 10,725 ลด 14% คาดไตรมาส 4 ยังดีต่อเนื่อง ทั้งปีเกินเป้าทะลุ 7 หมื่นราย

     นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนต.ค.2564 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,555 ราย ลดลง 5% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.2564 ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 3% เทียบกับต.ค.2563 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 21,965.41 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร ที่ติดอันดับ 3 ต่อเนื่องมาแล้ว 6 เดือนติดต่อกัน ตามการขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์และการค้าออนไลน์

      ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,976 ราย เทียบกับก.ย.2564 เพิ่มขึ้น 31% และเทียบกับต.ค.2563 ลดลง 4% โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขายสลากกินแบ่ง และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 207,653.57 ล้านบาท ซึ่งในนี้เป็นทุนของบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ที่จดเลิกจำนวน 199,479.57 ล้านบาท เนื่องจากได้โอนกิจการและทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) มีผลตั้งแต่ 25 ต.ค.2564 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อการประกอบธุรกิจ

      สำหรับ ยอดรวมธุรกิจตั้งใหม่ในช่วง 10 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) มีจำนวน 63,611 ราย เพิ่ม 14% ทุนจดทะเบียน 194,523.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ 10,725 ราย ลดลง 14% ทุนจดทะเบียน 252,861.77 ล้านบาท ลดลง 353.96%

QIC 580x400

      สาเหตุที่ทำให้การจดตั้งบริษัทใหม่มีแนวโน้มฟื้นตัว มาจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น จำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ และยังมีการจัดตั้งบริษัทใหม่รองรับนโยบายการเปิดประเทศ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบธุรกิจ และยังประเมินว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 จะยังมีแนวโน้มดีขึ้นอีก โดยกรมฯ คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ปี 2564 จำนวน 65,000–70,000 ราย แต่แนวโน้มน่าจะเกิน 70,000 ราย 

     นายทศพล กล่าวว่า กรมฯ ยังได้ทำการวิเคราะห์การจดทะเบียนทำธุรกิจใหม่ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ธุรกิจที่มีการตั้งใหม่เพิ่มขึ้น และน่าจับตา คือ ธุรกิจปลูกข้าว มีการตั้งใหม่จำนวน 610 ราย เพิ่มขึ้น 20 เท่า เพราะรัฐบาลผลักดันให้วิสาหกิจชุมชนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ธุรกิจสร้างแม่ข่าย จำนวน 435 ราย เพิ่มขึ้น 9 เท่า เพื่อรองรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์ จำนวน 174 ราย เพิ่มขึ้น 8 เท่า ตามการสนับสนุนและนโยบายรัฐบาล ทั้งการใช้สมุนไพรรักษาโรค ป้องกันโควิด-19 และปลดล็อกกัญชาให้สามารถขออนุญาตปลูก ผลิต นำเข้าเมล็ดพันธุ์ ครอบครอง และจำหน่ายได้ 

1AA1A3Aจดทะเบียน

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนตุลาคม 2564

      นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนตุลาคม 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผลการจดทะเบียนธุรกิจ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนตุลาคม 2564

        - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่  มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนตุลาคม 2564 จำนวน 5,555 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 21,965.41 ล้านบาท

        - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 605 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 280 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร จำนวน 203 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ

       - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,100 ราย คิดเป็น 73.81% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,379 ราย คิดเป็น 24.82% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 66 ราย คิดเป็น 1.19% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 10 ราย คิดเป็น 0.18% ตามลำดับ

sme 580x400

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนตุลาคม 2564

              - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนตุลาคม 2564 มีจำนวน 1,976 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 207,653.57 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

             - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 148 ราย คิดเป็น 7% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 97 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจขายสลากกินแบ่ง จำนวน 67 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

             - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,401 ราย คิดเป็น 70.91% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5  ล้านบาท จำนวน 481 ราย คิดเป็น 24.34% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 86 ราย คิดเป็น 4.35% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 8 ราย คิดเป็น 0.40% ตามลำดับ

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนตุลาคม 2564

             - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น  (ณ วันที่ 31 ต.ค. 64) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 809,410 ราย  มูลค่าทุน 19.26 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 197,116 ราย คิดเป็น 24.35% บริษัทจำกัด จำนวน 610,981 ราย คิดเป็น 75.49% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,313 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

             - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน  ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 480,124 ราย คิดเป็น 59.32% รวมมูลค่าทุน 0.42 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.19% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 238,858 ราย คิดเป็น 29.51% รวมมูลค่าทุน 0.80 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.16% ช่วงถัดไปคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 73,898 ราย คิดเป็น 9.13% รวมมูลค่าทุน 2.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.49%  และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,530 ราย คิดเป็น 2.04% รวมมูลค่าทุน 16.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.16% ตามลำดับ

ais 580x400

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนตุลาคม 2564

            กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกเพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา            

การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์

            กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี 2564 (ม.ค. - ต.ค.)  มีจำนวนขอรับข้อมูล 2,434,584 ราย ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 986,468 ราย , EMS จำนวน 459,748 ราย , Delivery จำนวน 5,606 ราย และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) จำนวน 982,762 ราย และรองรับการให้บริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS

            การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563

             กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

hino2021

DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์

            การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2563 ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 585,657 ราย คิดเป็น 80% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 581,541 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 4,116 ราย คิดเป็น 1%  ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว

             กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2564 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ   และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม

e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร

             กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,230 สาขา

e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์

            กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service  ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.)  ทั้งนี้ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 640,247 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 12,128,812 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน

            สำหรับ เดือนตุลาคม 2564 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 6,359 คำขอมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 108,227 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็น 60.89% (มูลค่า 65,897 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็น 39.10% (มูลค่า 42,320 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็น 0.01% (มูลค่า 11 ล้านบาท) อสังหาริมทรัพย์ คิดเป็น 0.00003% (มูลค่า 0.03 ล้านบาท)  ทั้งนี้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 593 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 2,995 คำขอ  โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 343 ราย

e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์

            การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 31 ตุลาคม 2564 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 105,877 ราย รับจดทะเบียน 55,520 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น  ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration

DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)

            กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงินในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องคีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ

การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs)  และ e-Accounting for SMEs

            Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม

            นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี ‘โปรแกรม e-Accounting for SMEs’ ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น  มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว, มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android

DBD Data Warehouse

            กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 8,085,085 ครั้ง

#PoweredByDBD

EXIM One 720x90 C J

SAM720x100px bgGC 790x90

QIC 720x100 

sme 720x100 

ais 720x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!