หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-8-2020k f


Theme to Play

---Market Wrap-Up----

SET ปิดวันที่ 7 ส.ค.63 ปิด -8.82 จุด อยู่ที่ 1,324.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,367 ลบ.ต่างชาติขาย 1,036 ลบ. สถาบันขาย 510 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 896 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,133 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น STA,DELTA,CPF,STGT,GLOBAL และมียอดขายหุ้น PTTEP,AOT,ADVANC,PTT,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 613 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ PTT,PTTEP,PTTGC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 19 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 96,860 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 267 ลบ.

ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.17% , S&P500 +0.06% และ Nasdaq -0.87% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน, สาธารณูปโภคและอสังหา ฯ รับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.763 ล.ราย ดีกว่าคาดจะเพิ่มขึ้น 1.48 ล.ราย อัตราว่างงานลดลงอยู่ที่ 10.2% นักลงทุนยังรอความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx ปิด +0.29% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทเลคอม หลังดอยช์ เทเลคอม เป็นผู้ถือหุ้นใน T-Mobile รายงานยอดใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้นมากกว่า AT&T ขณะที่อังกฤษคาดจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป

---Market View ---

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA +3.8% , S&P500 +2.5%, Nasdaq +0.25% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี FAANG รายงานกำไรดีกว่าคาดและถูกกระทบน้อยจากการล็อกดาวน์ ขณะที่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.763 ล.ราย , อัตราว่างงาน ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 10.2% & มิ.ย. 11.10% ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกคำสังให้จ่ายเงินช่วยเหลือคนตกงาน 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ก่อน ระหว่างการเจรจาในสภาคองเกรสยังไม่ได้ข้อสรุป ปัจจัยเสี่ยงต้องติดตามประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศแบนการทำธุรกิจกับ TikTok , Wechat ภายใน 45 วัน และการรีวิวข้อตกลงการค้าเฟส 1 กับจีน ในวันที่ 15 ส.ค. อาจส่งให้การลงทุนผันผวน เนื่องจากจีนซื้อสินค้าสหรัฐ 6 เดือนแรกปีนี้เพียง 4 หมื่น ล.ดอลลาร์ ยังต่ำกว่าเป้าปีนี้ที่ 1.7 แสน ล.ดอลลาร์ ซึ่งคาดดัชนีต่างประเทศจะทรงตัวรอผลการหารือการค้าสหรัฐ - จีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ สำหรับดัชนี SET สัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว ต่างชาติขาย 4.3 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 3 พัน ลบ. ถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศข้อแย้งสหรัฐ - จีน ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า และรอรายงานกำไร บจ. Q2/63 คาดหดตัวราว 40 - 50% YoY รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ครม.ชุดใหม่

---Daily Strategy---

ดัชนี SET คาดทรงตัวในกรอบแนวรับ1,310 -1,320 จุด แนวต้าน 1,330-1,340 จุด ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. Q2/63 และปรับพอร์ตการลงทุน แนะนำเก็งกำไร STGT, CBG

TASCO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย Bloomberg Consensus 28.28 บาท) เก็งกำไรก่อนประกาศงบ แนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 จะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ/YoY โดยกลับมามี Stock Gain ขณะที่ผลการดำเนินงานหลักทยอยฟื้นตัวหลังการขายไปประเทศจีนถูกยกเลิกไปบางส่วนใน 1Q63 เริ่มทยอยกลับเข้ามาใน 2Q63 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนทางด้านราคาจาก Supply ยางมะตอยประเทศที่มีโอกาสขาดแคลน เนื่องจากโรงกลั่นหลักๆ ทยอยปรับลดกำลังการผลิตลง ส่งผลให้ราคายางมะตอย AC ในประเทศดีขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือน เม.ย.เบื้องต้นเราประเมินปริมาณขายราว 4.5 แสนตัน และกำไรสุทธิใน 2Q63 ราว 1.2 พันล้านบาท ขณะที่ปัจจัยหนุนใน 3Q63 มาจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การใช้งบประมาณของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการซ่อมแซมถนนในประเทศจีนที่น้ำท่วม ทั้งนี้อิงจาก Bloomberg Consensus ตลาดคาดกำไรปี 63-64 ที่ 2.5 พันล้านบาท (-19.7%YoY) และ 2.85 พันล้านบาท (+13.8%YoY)

TWPC* ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.96 บาท*) ผลการดำเนินงานน่าจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 ไปแล้วถึงแม้ว่าในไตรมาสนี้จะรายงานเป็นผลขาดทุนประมาณ -11.6 ลบ. แต่ก็เป็นการขาดทุนที่น้อยกว่าไตรมาส 2 ปีก่อนที่ขาดทุนไปกว่า -38 ลบ. หากมองในภาพของ 1H20 แม้ว่ารายได้ในปีนี้จะชะลอตัวลงราว -10%YoY แต่สำหรับอัตรากำไรขึ้นต้นของ 1H20 ขยับขึ้นมาที่ระดับ 18.44% ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้เพียง 17.38% สำหรับ 2H20 รายได้จากการขายมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นตาม Pend up Demand โดยเฉพาะยอดส่งออกไปยังจีนมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาโดดเด่น สำหรับงบลงทุนในปี 2020-2021 บริษัทวางกรอบไว้ที่ 1 พัน ลบ. ใช้ในการขยายกำลังการผลิตและโรงงานที่เวียดนามและกัมพูชา สำหรับผลการดำเนินงานปี 2563-2564 Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิที่ระดับ 177 ลบ. และ 175 ลบ. +160%YoY และทรงตัว -1.12%YoY ตามลำดับ

---Daily Key Factors---

Oil Update (-) WTI Futures ก.ย.ปิด -$0.73 ดอลลาร์ อยู่ที่ $41.22 /บาร์เรล Brent Futures ต.ค. ปิด -$0.69 ดอลลาร์ อยู่ที่ $44.40 /บาร์เรล ปรับลดลงจากความกังวลต่ออุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันอาจลดลง หลังรายงานผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสได้ลดการลดกำลังการผลิตที่ 7.7 ล.บาร์เรล/วัน ส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดอยู่ในระดับสูง

Gold Update (-) Gold Futures ธ.ค.ปิด -41.40 ดอลลาร์ อยู่ที่ 2,028 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรหลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้นมากขึ้น สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่า +0.68% อยู่ที่ 93.436

Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านม ขายสุทธิ -547.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -140.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -224.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -182.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 31.167 บาทดอลลาร์สหรัฐ

(+) ดัชนี BDI ปิด +1 จุด อยู่ที่ 1,501 จุด

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.566 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.129 %

(-) ค่าเงินหยวน off-shore อ่อนค่าอยู่ที่ 6.967/USD

(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 47,816 ราย รวมอยู่ที่ 5,199,411 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 525 ราย รวมอยู่ที่ 165,608 ราย ( Worldometers )

---Economic Calendar----

ในประเทศ

07 ส.ค. หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

12 ส.ค. วันหยุด-วันแม่แห่งชาติ

สัปดาห์ที่2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน

สัปดาห์ที่3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม,ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

17 ส.ค. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/63

ต่างประเทศ

10 ส.ค. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (มิ.ย.)

11 ส.ค. US EIA Short-Term Energy Outlook

US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)

12 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

13 ส.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

14 ส.ค. CN ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน (ปีต่อปี) ( ก.ค.)

US ดัชนีดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales)( ก.ค.)

US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)

Theme Strategy

(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*

(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*

(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*

(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*

(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*

(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*

*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research:

Monthly Portfolio August 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*

---Technical Brief---

SET Daily คาดดัชนีแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,315-1,335 จุด

กลยุทธ์การลงทุน ภาพรวมดัชนีใน TF 60 Min เป็นการแกว่ง Sideways Down มีแรงกดดันจากการขายลดความเสี่ยงก่อนประกาศงบ เน้น Selective Buy วางแนวรับ 1,315-1,320 จุด แนวต้าน 1,330-1,335 จุด

SET Weekly: แกว่งในกรอบ Sideways ระยะกลาง Wait and See

กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีเลือกแกว่ง Sideways ออกข้างในกรอบ 1,300-1,400 จุด สำหรับการลงทุนในระยะกลางแนะนำ Wait and See เพื่อรอทิศทางที่ชัดเจนก่อน สัปดาห์นี้มีแนวต้านที่ 1,340 / 1,345 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,300 / 1,305 จุด หากหลุดแนวรับสำคัญลงมาให้ลดพอร์ต

Gold Spot: ระมัดระวังหากถอยหลุดแนวรับ 2,000 USD/Oz

กลยุทธ์การลงทุน แท่งเทียนพักลงมาบน EMA 5 วัน แล้วหยุดประคองตัว ดูแนวรับที่ 2,015-2,025 USD/Oz ยืนได้เล่นสั้น มีแนวต้าน 2,040-2,050 USD/Oz พร้อมวาง Trailing Stop ที่ 2,000 USD/Oz หากหลุดลงมาอาจเป็นสัญญาณพักตัว เนื่องจาก Dollar Index มีโอกาสแข็งค่าในระยะสั้น

---Fast Trade---

ILINK : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 5.10-5.35/ Sup 4.76/ Cut 4.60

IMH : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 2.76/ Sup2.34/ Cut 2.20

STGT : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 90.00-95.00/ Sup 88.25/ Cut 84.50

---SET 50 Index Future---

กลยุทธ์ระยะสั้น ในช่วงต้นสัปดาห์เรายังลุ้นการแกว่งตัว Sideway up ของดัชนีหลัก สำหรับ S50U20 เราวางกรอบแนวรับไว้ที่บริเวณ 842-847 จุด ใช้โซนดังกล่าวเป็น Filter ถ้ายังรักษาระดับไว้ได้ แนะนำใหเก็งกำไรทางฝั่ง Long โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่บริเวณ 858-864 จุด เป็นเป้าหมายของการเก็งกำไร อย่างไรก็ตามหาก S50U20 เกิด Breakout ในทางใดก็ให้ Follow ไปทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้า S50U20 หลุดแนวรับที่ 842 จุดเราแนะนำให้ Follow Short

การลงทุนรายสัปดาห์ สำหรับภาพระยะกลางเรายังคงมุมมองเดิมคือ Sideway/Sideway down ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ถือสถานะ Short 1/3 ของ Port ต่อและ Wait & See

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!